การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะที่เหมาะสม คือปัญหาสำคัญของการขับเคลื่อนความคล่องตัวทางดิจิทัลขององค์กรไทย

พฤหัส ๐๔ สิงหาคม ๒๐๒๒ ๑๖:๑๘
องค์กรไทยส่วนใหญ่ยังคงล้าหลังในเรื่องความคล่องตัวทางดิจิทัล ทั้ง ๆ ที่มีการปรับใช้เทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้นในช่วงการแพร่ระบาด
การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะที่เหมาะสม คือปัญหาสำคัญของการขับเคลื่อนความคล่องตัวทางดิจิทัลขององค์กรไทย

รายงานผลการศึกษาตามที่ได้รับมอบหมายจาก Workday ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการเงินและทรัพยากรบุคคลสำหรับองค์กร ระบุว่า องค์กรส่วนใหญ่ในประเทศไทย (91%) ยังคงล้าหลังในเรื่องของความคล่องตัวทางดิจิทัล (Digital Agility)[1] โดยจัดอยู่ในระดับที่ดำเนินการล่าช้าหรือกำลังวางแผน ซึ่งนับว่าสวนทางกับโอกาสในการเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล หรือดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น (Digital Transformation) และการปรับใช้เทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาด ผลการศึกษาดังกล่าวยังพบอีกด้วยว่า ในแง่ของการสรรหาและดึงดูดบุคลากร ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่มีความชำนาญถือเป็นหนึ่งในปัญหาท้าทายที่สำคัญที่สุดสำหรับองค์กรไทย และเป็นอุปสรรคต่อการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น

รายงานดัชนีความคล่องตัวทางดิจิทัลของ IDC-Workday สำหรับเอเชีย-แปซิก ประจำปี 2565 (IDC-Workday Digital Agility Index Asia/Pacific 2022) ได้รับการจัดทำร่วมกับ IDC โดยมุ่งเน้นการสำรวจความก้าวหน้าขององค์กรต่าง ๆ ในเอเชีย-แปซิฟิก (APAC) ในส่วนที่เกี่ยวกับความคล่องตัวทางดิจิทัลนับตั้งแต่ที่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 การศึกษาดังกล่าวเริ่มต้นเป็นครั้งแรกในปี 2563 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อประเมินและจัดอันดับองค์กรต่าง ๆ ตามดัชนี Digital Agility Index (DAI) จากคะแนนที่ได้รับ องค์กรจะถูกระบุว่าอยู่ในกลุ่ม "ผู้นำด้านความคล่องตัว" (Agility Leaders) ถ้าหากองค์กรนั้น ๆ จัดอยู่ในระดับที่มีความคล่องตัว/มีการบูรณาการที่ดี แต่ถ้าหากอยู่ในระดับที่ดำเนินการล่าช้า/กำลังวางแผน ก็จะจัดอยู่ในกลุ่ม "ผู้ตามด้านความคล่องตัว" (Agility Followers)

ไทยตกไปอยู่ที่อันดับ 9 ตามดัชนีความคล่องตัวทางดิจิทัล โดนอินโดนีเซียแซงหน้า

จากผลการศึกษา พบว่า 9 ประเทศที่ได้รับการสำรวจในภูมิภาค APAC มีระดับความก้าวหน้าด้านความคล่องตัวทางดิจิทัลที่แตกต่างกัน โดยสำหรับองค์กรไทย มีเพียง 9% เท่านั้นที่มีความคล่องตัวทางดิจิทัลในระดับสูง ส่งผลให้ไทยครองอันดับ 9 ตามดัชนี DAI โดยลดลงหนึ่งอันดับเมื่อเทียบกับการจัดอันดับเมื่อปี 2563 ทั้งนี้ ไทยถูกแซงหน้าโดยอินโดนีเซีย ซึ่งครองอันดับ 8 ในปีนี้ เพราะมีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีที่เหนือกว่า องค์กรในออสเตรเลียมีความก้าวหน้าสูงสุดในแง่ของการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น และครองอันดับ 1 ในปีนี้ ส่วนอันดับรองลงมาได้แก่ สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และฮ่องกง ขณะที่ไต้หวัน ซึ่งเพิ่งได้รับการเพิ่มเติมเข้ามาในปีนี้ ครองอันดับ 6 ตามมาด้วยมาเลเซีย

ในมุมมองระดับภูมิภาค พบว่าองค์กรใน APAC มีเพียง 38% เท่านั้นที่มีความคล่องตัวทางดิจิทัลระดับสูง อย่างไรก็ตาม ถือว่ามีการพัฒนาก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง เพราะตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 18 จุด (Percentage point) เมื่อเทียบกับปี 2563 ส่วน 62% ขององค์กรใน APAC ที่จัดว่าล้าหลังในแง่ของความคล่องตัวทางดิจิทัล (กล่าวคือ เป็นผู้ตามด้านความคล่องตัว) มีการปรับใช้เทคโนโลยี โดยเป็นผลมาจากความต้องการของหน่วยงานต่าง ๆ และความจำเป็นทางธุรกิจ เช่น อี-คอมเมิร์ซ มาตรการด้านความปลอดภัย และการทำงานจากที่บ้านในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาด

การขาดแคลนบุคลากรที่มีความชำนาญสำหรับการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น

การขาดแคลนบุคลากรที่มีความชำนาญในการดำเนินโครงการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นถือเป็นปัญหาท้าทายที่สำคัญซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขในไทย โดย 80% ของผู้บริหารฝ่าย HR ประสบปัญหาในการกำหนดทักษะที่เหมาะสมเพื่อรองรับความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และมีองค์กรไทยเพียงส่วนน้อย (7%) ที่มีกลยุทธ์การจัดการบุคลากรอย่างรอบด้าน โดยมีการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของพนักงาน และใช้ระบบวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุความจำเป็นในการฝึกอบรมเพิ่มเติม รวมถึงการพัฒนาอาชีพ ซึ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของการลดช่องว่างด้านทักษะความชำนาญของบุคลากร

ขาดการปรับใช้เทคโนโลยีระดับองค์กรเพื่อขับเคลื่อนความคล่องตัวทางดิจิทัล

การบูรณาการเครื่องมือดิจิทัลและกระบวนการต่าง ๆ อย่างครบถ้วนจะช่วยให้องค์กรสามารถตรวจสอบทรัพยากรได้อย่างรอบด้าน พร้อมทั้งกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกได้อย่างเหมาะสม และเพิ่มความคล่องตัวทางดิจิทัล อย่างไรก็ดี ในปัจจุบัน 61% ขององค์กรในไทยเริ่มดำเนินโครงการดิจิทัลต่าง ๆ ที่ระดับของสายงานธุรกิจ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการอย่างทันท่วงที แทนที่จะเป็นการปรับใช้แบบครอบคลุมทุกสายงานในระดับองค์กร ในทางกลับกัน แนวโน้มดังกล่าวนับเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของธุรกิจ อีกทั้งปัญหาท้าทายในการปรับใช้เทคโนโลยีก็แตกต่างกันไปในแต่ละฟังก์ชั่นการทำงาน โดยปัญหาท้าทายที่ผู้บริหารฝ่ายไอทีกล่าวถึงได้แก่ การขาดการบูรณาการระบบต่าง ๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจ (40%) และความยากลำบากในการเลือกใช้โซลูชันเทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อช่วยขับเคลื่อนความคล่องตัวของธุรกิจ (70%) ในทางตรงกันข้าม ผู้บริหารฝ่ายการเงิน (80%) ประสบปัญหาท้าทายในการสร้างวัฒนธรรมที่มุ่งเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายเพื่อให้เงินสดหมุนเวียนมีเสถียรภาพและคาดการณ์ได้ ทุกวันนี้มีองค์กรไทยเพียง 3% ที่จัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายโดยใช้ระบบปรับปรุงประสิทธิภาพที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลที่ครอบคลุมทั่วทั้งองค์กรและระบบนิเวศ

ความจำเป็นในการร่วมมือกันระหว่างผู้บริหารฝ่ายการเงิน ฝ่าย HR และฝ่ายสารสนเทศ

ในโลกวิถีใหม่ที่ถูกชี้นำด้วยระบบเศรษฐกิจดิจิทัล การใช้ประโยชน์จากความคล่องตัวทางดิจิทัลจะช่วยเพิ่มความได้เปรียบด้านการแข่งขัน ซึ่งจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อองค์กรปรับเปลี่ยนวิธีคิดและแนวทางในการลดช่องว่างด้านความคล่องตัวทางดิจิทัลโดยอาศัยเทคโนโลยีและการปรับความต้องการทางธุรกิจของแต่ละสายงานให้สอดคล้องกันในระดับของผู้บริหารระดับสูง นอกจากนี้ เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ทางธุรกิจที่เหมาะสม องค์กรจะต้องเร่งการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น เพื่อลดช่องว่างด้านความคล่องตัวทางดิจิทัล และกำหนดแนวทางแบบบูรณาการเพื่อรองรับกลยุทธ์ในการดำเนินงาน โดยผู้บริหารฝ่ายการเงิน ฝ่าย HR และฝ่ายสารสนเทศ จะต้องประสานงานร่วมกันในโครงการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นโดยครอบคลุมหลากหลายสายงาน พร้อมทั้งบูรณาการระบบดิจิทัลสำหรับการจัดการบุคลากร รวมไปถึงระบบงานด้านการเงินและ HR

ความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้

สันดีป ชาร์มา ประธานประจำภูมิภาคเอเชียของ Workday กล่าวว่า "ถึงแม้จะมีความคืบหน้าอย่างมากจากการที่องค์กรต่าง ๆ พัฒนาไปสู่การเป็นผู้นำด้านความคล่องตัวเพิ่มมากขึ้น แต่องค์กรส่วนใหญ่ในเอเชีย-แปซิฟิกยังคงล้าหลังอยู่ ซึ่งนับเป็นโอกาสหนึ่งในการให้ความช่วยเหลือแก่องค์กรเหล่านี้เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลได้รวดเร็วมากขึ้น เนื่องจากความคล่องตัวเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจดิจิทัล ดังนั้นองค์กรที่มีกระบวนการที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และมีทักษะด้านดิจิทัลและวัฒนธรรมการทำงานที่เหมาะสม จะมีความพร้อมมากที่สุดในการประสบความสำเร็จในโลกปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง"

ลอเรนซ์ ชอก รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นของ IDC กล่าวว่า "ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นโดยเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้องค์กรจำนวนมากต้องรีบเร่งปรับเปลี่ยนการดำเนินงานสู่ดิจิทัล ด้วยเหตุนี้จึงมีการปรับใช้เทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม ความคล่องตัวทางดิจิทัลที่แท้จริงเป็นเรื่องของการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสท่ามกลางสภาพความเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน โดยองค์กรต่าง ๆ จำเป็นที่จะต้องถอดบทเรียนจากผู้นำด้านความคล่องตัว และดำเนินการปรับเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์อย่างครอบคลุมทั่วทั้งองค์กร ทั้งในส่วนของวัฒนธรรม บุคลากร กระบวนการ และการปรับใช้เทคโนโลยี"

ดูข้อมูลเพิ่มเติมและรายงานฉบับเต็มได้ที่:

IDC-Workday Digital Agility Index Asia/Pacific 2022 https://www.workday.com/content/dam/web/sg/documents/other/idc-infobrief-thriving-in-uncertainty-how-digital-agility-maximises-business-success.pdf

[1] ความคล่องตัวทางดิจิทัล (Digital Agility) หมายถึง ความสามารถขององค์กรในการปรับตัวอย่างรวดเร็วในกรณีที่เกิดการหยุดชะงักของธุรกิจ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อกู้คืนระบบสำหรับการดำเนินธุรกิจ พร้อมทั้งแสวงหาประโยชน์จากสภาวะที่เปลี่ยนไป

เกี่ยวกับรายงานผลการศึกษา

การศึกษาระดับโลกนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อตรวจสอบสถานะความคล่องตัวทางดิจิทัลขององค์กรต่าง ๆ ในเอเชีย-แปซิฟิก โดยได้รับการมอบหมายจาก Workday และดำเนินการร่วมกับ IDC ซึ่งเป็นบริษัทด้านการวิจัยข้อมูลตลาดเทคโนโลยีระดับโลก โดยทำการศึกษาในช่วงเดือนธันวาคม 2564 ถึงกุมภาพันธ์ 2565 และมีการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารระดับสูงฝ่ายบุคคล ฝ่ายไอที และฝ่ายการเงินกว่า 800 คนจาก 9 ประเทศ และ 15 กลุ่มอุตสาหกรรมในเอเชีย-แปซิฟิก นอกจากนี้ องค์กรต่าง ๆ ยังได้รับการประเมินสำหรับ 4 มิติของความคล่องตัวทางดิจิทัล (Digital Agility Dimensions) ซึ่งได้แก่ องค์กรและวัฒนธรรม บุคลากร กระบวนการ และเทคโนโลยี

เกี่ยวกับ Workday

Workday เป็นผู้นำด้านการให้บริการคลาวด์แอพพลิเคชั่นระดับองค์กรสำหรับการเงินและทรัพยากรบุคคล เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับตัวและประสบความสำเร็จในโลกยุคใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง  แอพพลิเคชั่นของ Workday สำหรับการจัดการด้านการเงิน ทรัพยากรบุคคล การวางแผน การจัดการการใช้จ่าย และการวิเคราะห์ข้อมูล ได้รับการใช้งานอย่างแพร่หลายโดยองค์กรหลายพันแห่งทั่วโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ตั้งแต่ธุรกิจขนาดกลาง ไปจนถึงกว่า 50% ขององค์กรชั้นนำที่ติดอันดับ Fortune 500  หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Workday คลิกไปที่ workday.com

ที่มา: เอฟเอคิว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version