ดึงนวัตกรรมทำตลาด จากอาหารพื้นบ้าน สู่ร้านเซเว่นฯ
การได้รับยอดขายระดับ 70 ล้านบาท ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องอาศัยความมุ่งมั่นและตั้งใจจริง ก้าวผ่านปัญหาและอุปสรรคให้ได้ นายภาคภูมิ หอมสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอินโนฟู้ด จำกัด ในฐานะทายาทรุ่นที่ 3 ผู้นำทัพส่งสินค้าของดีที่ผลิตจากภูมิปัญญาชาวบ้านเข้าเซเว่น อีเลฟเว่น ได้เล่าให้ฟังว่า ย้อนกลับไปเมื่อกว่า 40 ปีที่ผ่านมา ครอบครัวเริ่มทำธุรกิจผลิตแหนม ภายใต้ชื่อ "แหนมดอนเมือง กม.26" และได้รับการตอบรับและเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีมาจนถึงปัจจุบัน แต่เมื่อตนได้เข้ามาช่วยธุรกิจที่บ้าน ก็มองว่าแหนมเป็นอาหารพื้นบ้านที่จะหาซื้อได้จากตลาดสดเท่านั้น ทำให้ผู้บริโภคที่ไม่มีเวลา ไม่มีโอกาสได้รับประทาน จึงมีการพูดคุยกับทางเซเว่น อีเลฟเว่น ว่าต้องการจะนำสินค้าชนิดนี้เข้าวางจำหน่าย โดยต้องการสร้างแบรนด์ใหม่ เพื่อให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าของเซเว่น อีเลฟเว่น จึงได้เกิดเป็นแบรนด์ "สุทธิลักษณ์" ผลิตแหนมคุณภาพดี รสชาติดั้งเดิม แต่โดดเด่นด้วยคุณสมบัติด้านการผลิต มีการนำเทคโนโลยีการฉายรังสีมาใช้ ก่อให้เกิดเป็นนวัตกรรมอาหารรูปแบบใหม่
"เราถือป็นเจ้าแรกในตลาดที่นำเทคโนโลยีการฉายรังสีมาใช้กับการถนอมอาหารประเภทแหนม เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่ปนเปื้อนอยู่ในเนื้อหมู ที่อาจส่งผลต่อสุขภาพ สามารถช่วยยืดอายุการจัดเก็บสินค้าให้ยาวนานถึง 2 เดือน โดยปราศจากสารกัมมันตรังสีตกค้าง ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นโรงงานนำร่องในโครงการ "อาหารฉายรังสี" จากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ถือเป็นการสร้างอีกหนึ่งความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคด้านความปลอดภัยทางอาหาร และที่สำคัญทำให้แหนมเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถรับประทานได้ทันทีไม่ต้องนำไปผ่านความร้อน อีกทั้งยังเป็นโรงงานนำร่องด้านการใช้ต้นเชื้อชีวภาพในกระบวนการผลิตแหนมที่ได้รับการคัดเลือกจากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) อีกด้วย"
แค่ปรับก็เปลี่ยน สนุกกับธุรกิจ หากผิดก็เริ่มใหม่
แม้จะหาช่องว่างทางการตลาดเจอ จนพัฒนาสินค้าให้มีความแตกต่าง แต่ก็ใช่ว่าสินค้าตัวแรกที่ผลิต ภายใต้แบรนด์ "สุทธิลักษณ์" ที่วางจำหน่ายอย่าง "แหนมสไลซ์พร้อมรับประทาน" จะประสบความสำเร็จ "ภาคภูมิ" ยอมรับว่า การตอบรับของตลาดยังไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังไว้
"ช่วงแรกๆ เราขายได้ 2,000-3,000 ชิ้นต่อวันเท่านั้น ตอนนั้นคิดว่าทำไมสินค้าเราถึงขายได้น้อย จึงได้ไปปรึกษากับทางเซเว่น อีเลฟเว่นว่าควรปรับตรงไหน ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำที่ดีมาก ทางบริษัทจึงเริ่มเปลี่ยนสีแพ็กเก็จจิ้ง จากเดิมเป็นสีชมพู มาเป็นสีแดง เพื่อให้สินค้าที่บรรจุอยู่ภายในโดดเด่นไม่กลืนไปกับสีของแพ็กเก็จจิ้ง รวมทั้งปรับเปลี่ยนวิธีการบรรจุ จากเดิมห่อละ 10 ชิ้น เรียงแบบ 2 แถว มาเป็น 12 ชิ้นเรียง 4 แถว หลังจากปรับ ยอดขายก็เปลี่ยน เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ภายในเวลาเพียงไม่ถึงเดือน"
เหตุการณ์ลักษณะนี้ ถ้าเกิดกับใครอาจจะทำให้ท้อ จนไม่อยากเดินต่อ แต่สำหรับ "ภาคภูมิ หอมสุวรรณ" มองว่าเป็นบทเรียนธุรกิจที่สอนให้รู้จักเรียนรู้ และต่อสู้ อยากให้ทุกคนสนุกกับการทำธุรกิจ อย่าไปคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่ต้องใช้ความอดทนในการทำ เมื่อไหร่ที่คิดแบบนี้ คือการตีกรอบและกดดันตัวเอง จนทำให้เรารู้สึกอัดอัด และไม่อยากไปต่อ
"หมูยอหนังหมู" เปิดประสบการณ์ รสสัมผัสใหม่
หลังจากที่ แหนมสไลซ์พร้อมรับประทาน ประสบความสำเร็จได้รับการตอบรับที่ดี "ภาคภูมิ หอมสุวรรณ" จึงเดินหน้าพัฒนาแตกไลน์สินค้าใหม่ต่อเนื่อง แต่ยังคงคอนเซ็ปต์อาหารพื้นบ้านไว้อย่างเหนียวแน่น อย่างหมูยอจัมโบ้ ขนาด 400 กรัม ล่าสุด หมูยอหนังหมู ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากของฝากขึ้นชื่อทางภาคอีสาน ที่มักซื้อติดไม้ติดมือกลับมาทุกครั้ง แต่สำหรับคนที่ไม่ได้เดินทางไปทางภาคอีสานก็อาจจะไม่มีโอกาสได้รับประทาน ไทยอินโนฟู้ด จึงลดช่องว่างในส่วนนี้ โดยยังคงชูความโดดเด่นของเครื่องเทศ ด้วยพริกไทยป่นใหม่ทุกวัน เพื่อคงความหอม และเพิ่มรสสัมผัสด้วยหนังหมู ให้ความรู้สึกหนึบหนับ เคี้ยวเพลิน แม้ว่าจะวางจำหน่ายในเซเว่น อีเลฟเว่นได้ไม่นาน แต่ก็ดูเหมือนว่าจะได้รับความสนใจไม่น้อย ทำให้ "ภาคภูมิ หอมสุวรรณ" มีความมุ่งมั่นตั้งใจพัฒนาสินค้าใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง
จากเรื่องราวของ บริษัท ไทยอินโนฟู้ด จำกัด ผ่านการบอกเล่าของ "ภาคภูมิ หอมสุวรรณ" ทำให้เห็นว่า 7-Eleven SME DNA ที่มีอยู่ในตัวมีความสำคัญอย่างมากต่อการขับเคลื่อนธุรกิจให้เป็นไปตามเป้าหมาย และที่สำคัญการทำธุรกิจที่มาพร้อมแนวคิดแบบเชิงบวกจะช่วยเสริมให้ผู้ประกอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในโลกของการแข่งขันที่รุนแรง
ที่มา: อเกต คอมมิวนิเคชั่น