นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER เปิดเผยถึง ผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2565 (เมษายน - มิถุนายน 2565) กำไรทำสถิติสูงสุดรายไตรมาสได้ต่อเนื่อง มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,426 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 44.4% อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 29.5% สาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มสินค้าเชิงพาณิชย์เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์กลุ่มตู้แช่ และตู้เติมน้ำมันหยอดเหรียญ ในแง่ของจำนวนทีมขายและเครือข่ายสาขาย่อยของซิงเกอร์แฟรนไชส์ก็มีการเติบโตตามเป้าหมายอยู่ที่ 5,078 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศ จากเป้าหมายสิ้นปีวางไว้ที่ 7,000 แห่ง
นอกจากนี้ การขยายพอร์ตสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (C4C) ภายใต้แบรนด์รถทำเงิน ของบริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (SGC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ยังคงเติบโตโดดเด่น เม็ดเงินที่บริษัทฯ ได้จากการเพิ่มทุนเข้ามา ทำให้บริหารจัดการได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ณ งวดไตรมาส 2/2565 มีพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 13,475 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็นสินเชื่อเช่าซื้อกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าเชิงพาณิชย์ (Hire Purchase : HP) 41% สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (C4C) 56% ขณะที่ ภาพรวมการควบคุมดูแลคุณภาพลูกหนี้ ยังคงสามารถบริหารจัดการได้ดี โดยมีอัตรา NPL อยู่ที่ 3.5 % ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน และวางเป้าหมายควบคุม NPL ในปีนี้ไม่เกิน 4%
ภาพรวมกลุ่มลูกค้าของ SINGER ซึ่งถือว่าเป็นเศรษฐกิจในภาคชุมชนยังคงมีความสามารถในการชำระเงินที่ดี มองภาพบวกในกลุ่มสินค้าเชิงพาณิชย์และร้านค้า ที่เติบโตโดดเด่นมาโดยตลอดตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา สนับสนุนให้คุณภาพพอร์ตหนี้ในสินค้ากลุ่มนี้ยังดี สำหรับภาพรวม NPL ในกลุ่มสินเชื่อรถทำเงินยังคงอยู่ในระดับต่ำมาก หรือไม่ถึง 1% และกลุ่มบริษัทยังคงเดินหน้าขยายพอร์ตสินเชื่อดังกล่าวให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้ จากความสำเร็จของผลการดำเนินงาน สนับสนุนให้งวดครึ่งแรกของปี 2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,637 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
สำหรับแนวโน้มในครึ่งหลังปี 2565 คาดว่า SINGER จะยังเดินหน้าเติบโตเชิงรุก สอดรับกับแผนการขยายตลาด ขยายผลิตภัณฑ์ ขยายพันธมิตร และบรรยากาศเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมาคึกคัก หลังสถานการณ์โควิดผ่อนคลาย ขณะที่ ต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯ มีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่อง จากเงินลงทุนที่มีพร้อมขยาย รวมถึง การจ่ายคืนหุ้นกู้บางส่วน สนับสนุนเป้าหมายกำไรสุทธิที่เติบโตได้ราว 75% จากปีก่อนอยู่ที่ 701 ล้านบาท
ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก (มกราคม - มิถุนายน 2565) ในอัตรา 0.30 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นเงินจำนวนเงินทั้งสิ้น 245,921,196 บาท กำหนดวันปิดสมุดทะเบียน (Record Date) ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 กันยายน 2565 โดยจ่ายจากกำไรสุทธิของบริษัทฯ คิดเป็น 51.1% ของกำไรสุทธิงวดครึ่งปีแรก
ที่มา: ไออาร์ พลัส