ดร.ศักดิ์ดา ศิริภัทรโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TGE ผู้นำด้านอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 คาดว่าจะสร้างการเติบโตในระดับที่แข็งแกร่ง เนื่องจากโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 3 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้า TGE, TPG และ TBP จังหวัดสุราษฎร์ธานี กำลังการผลิตติดตั้งรวม 29.7 เมกะวัตต์ (MW) สามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้เต็มประสิทธิภาพ ประกอบกับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของรายได้จากการขายน้ำและไอน้ำ เพราะจะเป็นปีแรกที่โรงไฟฟ้า TBP สามารถรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี อีกทั้งเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โรงไฟฟ้า TBP ได้เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพิ่มเติมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยเป็นสัญญาระยะสั้นแบบปีต่อปี จำนวน 6 MW ภายใต้ระบบรับซื้อไฟฟ้าแบบคงที่ อัตราขายไฟ 2.20 บาทต่อหน่วย
นางสาวพัชรา ทองประไพ ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชี และการเงิน TGE กล่าวว่า ปัจจัยที่หนุนการเติบโตของ TGE ในปี 2565 มาจากรายได้ของการขายน้ำและไอน้ำ ที่คาดว่าจะสูงกว่า 100 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2564 ขณะที่รายได้จากการขายไฟฟ้า คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะรับรู้เพิ่มขึ้นอีก 60 - 70 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นผลบวกอย่างมีนัยสำคัญต่อภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม - มิถุนายน) บริษัทฯ มีรายได้รวม 467.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 107.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามการเติบโตที่แข็งแกร่งของรายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวล และความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ด้านบทวิเคราะห์ของ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ประเมินราคาเป้าหมายหุ้น TGE ณ สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 2.55 บาทต่อหุ้น ด้วยการประเมินมูลค่าด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF Valuation) จากโครงการโรงไฟฟ้าทั้งสิ้น 6 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้ง 51.7 MW แบ่งเป็น มูลค่าของโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ COD แล้ว 3 และโรงไฟฟ้าขยะชุมชนที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 3 โครงการ โดยยังไม่รวมมูลค่าของโครงการในอนาคต พร้อมประเมินแนวโน้มผลประกอบการปี 2565 จะมีกำไรสุทธิเติบโตประมาณ 28% เป็นผลจากการรับรู้รายได้เต็มปีของโรงไฟฟ้าชีวมวล TBP
ที่มา: เอ็มที มัลติมีเดีย