นายวรรณรัตน์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีซึ่งท่านกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญในการบริหารจัดการและรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะพี่น้องผู้ใช้แรงงานถือได้ว่าเป็นฟันเฟืองที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศมีความเจริญก้าวหน้าและมั่นคงจึงได้ให้กระทรวงแรงงานบูรณาการร่วมกับหลายหน่วยงานโดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาในหลายด้าน อาทิ การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวเพื่อนำเข้าสู่ระบบที่ถูกต้องตามกฎหมาย โครงการ Factory Sandbox การตรวจคัดกรองเชิงรุก RT-PCR 100% ภายใต้โครงการ "แรงงาน...เราสู้ด้วยกัน" การจัดหาเตียง Hospitel รองรับการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 การเปิดสายด่วนให้ความช่วยเหลือประสานหาเตียงรองรับการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 การตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนเพื่อผู้ประกันตนมาตรา 33 เป็นต้น
นายวรรณรัตน์ ยังกล่าวต่อว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทรวงแรงงานภายใต้การนำของท่านสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยพี่น้องแรงงานและเร่งให้การช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาลเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนทำให้สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในกลุ่มแรงงาน สามารถรักษาระดับการจ้างงาน ประคับประคองให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคส่งออกเติบโตต่อเนื่อง จึงได้ดำเนินโครงการ Factory Sandbox ด้วยหลักการสำคัญ 4 ประการ คือ ประการแรก ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้แท่นพิมพ์เงินภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งเป็นรายได้สำคัญของประเทศได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง รัฐบาลจึงต้องรักษาการจ้างงานและรักษาแท่นพิมพ์เงินของธุรกิจภาคส่งออกที่มีภาคแรงงานกว่า 2 ล้านคน ใน 4 สาขา ได้แก่อาหาร เครื่องมือแพทย์ ยานยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เอาไว้ เนื่องจากหลายประเทศไม่สามารถส่งออกสินค้าได้ ประการที่ 2 การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงแรกมีวัคซีนจำกัด จึงต้องจัดสรรให้ผู้สูงอายุก่อน ขณะเดียวกันกระทรวงแรงงานได้เล็งเห็นความสำคัญของพี่น้องผู้ใช้แรงงานที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศ จึงขอรับการจัดสรรวัคซีนจากรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในกลุ่มพี่น้องผู้ใช้แรงงาน และป้องกันไม่ให้พี่น้องผู้ใช้แรงงานต้องนำเชื้อโควิด-19 ไปติดผู้สูงอายุและสมาชิกในครอบครัวที่บ้าน จึงได้ดำเนินโครงการ Factory Sandbox ตามนโยบายรัฐบาลด้วยหลักการเศรษฐศาสตร์คู่กับสาธารณสุข ทั้งการตรวจ รักษา ควบคุม ดูแล เยียวยา การให้ความช่วยเหลือ การฉีดวัคซีนตรวจคัดกรองโควิด -19 เพื่อประคับประคองให้ธุรกิจเดินได้ ประการที่ 3 สำนักงานประกันสังคมมีโรงพยาบาลในเครือข่ายที่เป็นโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศรวมกว่า 200 แห่ง ซึ่งมีทีมแพทย์และพยาบาลที่มีศักยภาพและมีความพร้อมในการรองรับการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงอาศัยสถานพยาบาลเหล่านี้ในการตรวจคัดกรอง ดูแลรักษา และฉีดวัคซีนแก่พี่น้องผู้ใช้แรงงาน ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม และประการสุดท้าย กระทรวงแรงงานได้ทำงานใกล้ชิดกับสหภาพแรงงาน จึงทำให้การดำเนินโครงการดังกล่าวสามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด บรรลุวัตถุประสงค์และตอบสนองความต้องการของสถานประกอบการและพี่น้องผู้ใช้แรงงานอย่างแท้จริง
สำหรับบริษัท โอลิค (ประเทศไทย) จำกัด ปัจจุบันมีลูกจ้าง จำนวน 607 คน และมีสหภาพแรงงานยาและเวชภัณฑ์ร่วมดูแลด้านแรงงานสัมพันธ์ในสถานประกอบกิจการ โดยบริษัทแห่งนี้ประกอบกิจการที่ผลิตยาแผนปัจจุบัน และส่งสินค้าขายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ และได้ตระหนักถึงหลักการและแนวทางของกระทรวงแรงงานในการเสริมสร้างแรงงานสัมพันธ์ที่ดีภายในองค์กรด้วยบริษัทฯ ตระหนักถึงการพัฒนาขีดความสามารถในการปฏิบัติงานและเพิ่มความสุขในการปฏิบัติงาน ความมั่นคงในการทำงาน มีหลักประกัน และคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคนในองค์กร ซึ่งผู้บริหารของบริษัทฯ มีเจตจำนงที่ต้องการสนับสนุนหลักการดังกล่าว
ที่มา: กระทรวงแรงงาน