แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ ของบริษัทฯ สะท้อนถึงความเสี่ยงที่ต้องเผชิญในการปรับลดอัตราส่วนหนี้สิน อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (Net Debt/EBITDA) ของ SCC เพิ่มขึ้นเป็น 3.8 เท่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 (ณ สิ้นปี 2564 อยู่ที่ 2.7 เท่า) เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายลงทุนที่สูง โดยส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนสำหรับโครงการ Long Son Petrochemicals (LSP) ในประเทศเวียดนาม และการขยายธุรกิจในอาเซียน รวมถึงกระแสเงินสดรับที่ลดลง ฟิทช์คาดว่า บริษัทฯ อาจใช้เวลามากกว่า 18 เดือนในการลดอัตราส่วนหนี้สินลงมาให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 3.5 เท่า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่ยังสอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบันของบริษัทฯ
กำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของ SCC ลดลงร้อยละ 43 ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสาเหตุหลักมาจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบในธุรกิจเคมิคอลส์ที่อ่อนแอ ฟิทช์คาดว่า EBITDA ของ SCC จะลดลงมาอยู่ในระดับ 6.0 หมื่นล้านบาท ในปี 2565 จาก 7.5 หมื่นล้านบาท ในปี 2564 ความไม่แน่นอนของการเติบโตของความต้องการซื้อสินค้าและภาวะเงินเฟ้อสูงน่าจะกดดันความสามารถในการทำกำไรของ SCC ในปี 2565 และต่อเนื่องไปยังปี 2566 แม้ความกดดันอาจจะลดลง EBITDA ในปี 2566 น่าจะได้รับการสนับสนุนจากกำลังการผลิตส่วนเพิ่มจากการเข้าซื้อกิจการในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงการเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ของโครงการ LSP ถึงแม้ว่า อัตราฟื้นตัวของกำไรอาจจะยังคงถูกกดดัน จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้าจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและภาวะเงินเฟ้อ
รายงานพิเศษ "What Investors Want to Know: Siam Cement" สามารถหาได้ที่ www.fitchratings.com
ที่มา: ฟิทช์ เรทติ้งส์