รายงานเปิดเผยว่า คันทรี่ การ์เด้น มียอดขายตามสัญญาประมาณ 1.851 แสนล้านหยวน (ประมาณ 2.59 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) และปริมาณการขายตามสัญญาประมาณ 23.48 ล้านตารางเมตรในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรม ขณะเดียวกัน การรวบรวมการชำระเงินทั้งหมดแตะที่ระดับ 1.703 แสนล้านหยวน (ประมาณ 2.38 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยมีอัตราการเรียกเก็บเงินประมาณ 92% ซึ่งเกิน 90% เป็นเวลา 7 ปีติดต่อกันแล้ว
ในช่วงระยะเวลาที่รายงานนี้ คันทรี่ การ์เด้น มีรายได้จากการดำเนินงาน 1.6236 แสนล้านหยวน กำไรขั้นต้น 1.721 หมื่นล้านหยวน และกำไรสุทธิหลัก 4.91 พันล้านหยวน บ่งชี้ถึงผลกำไรที่เป็นบวกแม้ตลาดจะซบเซาและเกิดการระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง และแสดงให้เห็นความยืดหยุ่นของบริษัทได้อย่างชัดเจน
คุณโม่ ปิน (Mo Bin) ประธานคันทรี่ การ์เด้น เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 บริษัทได้ปรับโครงสร้างหนี้ให้ดีขึ้นโดยใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเพื่อชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นที่มีต้นทุนสูง โดยมุ่งเน้นที่การสร้างสมดุลระหว่างกระแสเงินสด งบดุล และกำไร
ในช่วงครึ่งปีแรก กระแสเงินสดจากการดำเนินงานสุทธิของคันทรี่ การ์เด้น อยู่ที่ 5.25 พันล้านหยวน โดยมียอดสินเชื่อทั้งหมดลดลงเหลือ 2.9368 แสนล้านหยวน ลดลง 7.6% จากสิ้นปีที่แล้ว ขณะที่อัตราส่วนเงินกู้ยืมต่อหุ้นทุนอยู่ที่ 48.1% ณ สิ้นสุดระยะเวลารายงาน โดยคงระดับไว้น้อยกว่า 60% เป็นเวลาหลายปีแล้ว อัตราดังกล่าวต่ำกว่าเกณฑ์อัตราส่วนเงินกู้ยืมต่อหุ้นทุนของประเทศที่น้อยกว่าระดับ 100% อย่างมีนัยสำคัญ และอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าอุตสาหกรรม นอกจากนี้ เงินสดที่มีอยู่ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 1.4798 แสนล้านหยวนเมื่อสิ้นสุดระยะเวลารายงาน และอัตราส่วนกระแสเงินสดต่อหนี้ระยะสั้นอยู่ที่ประมาณ 2 เท่า โดยปราศจากภาระการชำระหนี้ระยะสั้น
ทั้งนี้ คันทรี่ การ์เด้น รับประกันการส่งมอบโครงการก่อนกำหนด ในขณะที่ยังคงสถานะทางการเงินที่มั่นคง ซึ่งสถิติที่มีอยู่ระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ผู้พัฒนารายนี้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมจำหน่ายสู่ตลาดมากกว่า 250,000 ยูนิต (บนที่ดิน 1,070 แห่ง) ใน 214 เมืองทั่วจีน สอดคล้องกับสัญญาก่อนหน้าอย่างครบถ้วนและมากกว่าผู้พัฒนารายอื่น ๆ โดยผู้บริหารยืนยันว่า บริษัทมีแผนที่จะส่งมอบ 500,000 ยูนิตในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกประมาณ 2 เท่า