"เรารู้สึกภูมิใจมากที่ได้เห็นโซลาร์พาร์กแห่งนี้บรรลุหลักชัยสำคัญครั้งประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง หลังจากเฟสเอ (Phase A) เชื่อมกับกริดไฟฟ้าเรียบร้อยเมื่อปี 2564 และตอนนี้เรากำลังก่อสร้างเฟสซี (Phase C) ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566" คุณเมิ่ง ฉวนหมิน ผู้จัดการโครงการโมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มักตูม โซลาร์พาร์ก เฟส 5 กล่าว
"กระบวนการก่อสร้างเฟส 5 ของโซลาร์พาร์กแห่งนี้มีความท้าทายนานัปการ และจุดพีคอยู่ที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกอย่างรุนแรง แต่ทีมงานก็สามารถเอาชนะความยากลำบากได้ โดยจัดซื้อและส่งมอบวัตถุดิบให้โครงการได้ตรงเวลา ส่งผลให้ความก้าวหน้าโดยรวมของโครงการไม่ล่าช้า" คุณเมิ่งกล่าวเสริม
นอกจากนี้ เซี่ยงไฮ้ อิเล็กทริก ยังพยายามอย่างหนักในการควบคุมต้นทุน เนื่องจากการขนส่งด้วยเรือคอนเทนเนอร์ขาดแคลนมากเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาด ค่าขนส่งสายไฟจึงเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า ดังนั้น เพื่อรับประกันว่าโครงการจะแล้วเสร็จตามกำหนด ทีมงานจึงตัดสินใจขนส่งสายไฟด้วยเรือบรรทุกสินค้าเทกอง (Bulk Carrier) แม้ว่าจะทำให้ภาระงานเพิ่มมากขึ้นก็ตาม
ขณะเดียวกัน ทีมงานเพิ่งค้นพบในภายหลังว่า การเคลื่อนไหวตามธรรมชาติและการไหลของเนินทรายทำให้พื้นที่ก่อสร้างสูงขึ้นหลายแสนลูกบาศก์เมตรเมื่อเทียบกับค่าที่สำรวจได้ก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ต้นทุนโดยรวมเพิ่มขึ้นถึง 3 ล้านดอลลาร์ หลังการตรวจสอบและวิจัยอย่างละเอียด เซี่ยงไฮ้ อิเล็กทริก ได้วางแผนช่วยทีมงานแก้ปัญหา พร้อมกับรับประกันว่าความก้าวหน้าของโครงการจะไม่หยุดชะงัก
อัควา พาวเวอร์ (Acwa Power) เจ้าของ ผู้พัฒนา และผู้ดำเนินการโครงการโมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มักตูม โซลาร์พาร์ก เฟส 5 ได้แต่งตั้งให้เซี่ยงไฮ้ อิเล็กทริก เป็นผู้รับเหมาด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ และการก่อสร้าง (EPC) ของโครงการในปี 2563 และเริ่มก่อสร้างตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 ประกอบด้วยเฟสเอ บี และซี ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,050 เมกะวัตต์
โครงการนี้จ้างทีมงานจากนานาประเทศ และมีคนงานมากกว่า 2,500 คนในช่วงพีคสุด โดยความพยายามของเซี่ยงไฮ้ อิเล็กทริก ในการรวบรวมแรงงาน ทรัพยากร และอุปทานที่ดีที่สุดจากทั่วโลก เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ ได้รับการยอมรับอย่างดีจากเจ้าของโครงการและพันธมิตร นอกจากนี้ โครงการนี้ยังสร้างงานโดยตรงกว่า 4,000 ตำแหน่ง และโดยอ้อมอีก 10,000 ตำแหน่ง นับว่ามีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการจ้างงานและการพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่น
นอกจากนี้ เซี่ยงไฮ้ อิเล็กทริก ยังมีส่วนร่วมในการก่อสร้างโครงการโมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มักตูม โซลาร์พาร์ก เฟส 4 ขนาด 950 เมกะวัตต์ ซึ่งประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์(Concentrated Solar Power หรือ CSP) ขนาด 700 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 250 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้า CSP สามารถกักเก็บพลังงานความร้อนในเวลากลางวันและนำมาใช้ผลิตไฟฟ้าในเวลากลางคืน เพื่อมอบพลังงานไฟฟ้าที่สะอาด เสถียร และเชื่อถือได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นับตั้งแต่เริ่มโครงการในปี 2561 ได้มีการจ้างคนงานกว่า 8,500 คนในช่วงพีคสุด ทั้งนี้ เสารวมความร้อนจากแสงอาทิตย์ขนาด 100 เมกะวัตต์ และแผงรวมแสงอาทิตย์แบบรางพาราโบลาขนาด 200 เมกะวัตต์ จะเชื่อมกับกริดไฟฟ้าภายในสิ้นปี 2565 โครงการนี้ใช้เทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ที่ทันสมัยที่สุดในโลกเพื่อจ่ายไฟฟ้าพลังงานสะอาดให้แก่ 320,000 ครัวเรือน และลดการปล่อยคาร์บอน 1.6 ล้านตันต่อปี ซึ่งจะช่วยให้ดูไบบรรลุวิสัยทัศน์ด้านพลังงานหมุนเวียนปี 2593
เกี่ยวกับเซี่ยงไฮ้ อิเล็กทริก
บริษัท เซี่ยงไฮ้ อิเล็กทริก กรุ๊ป จำกัด (Shanghai Electric Group Company Limited) (SEHK: 2727, SSE: 601727) คือกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ระดับโลกผู้ผลิตอุปกรณ์ไฮเอนด์ โดยให้ความสนใจในเรื่องพลังงานอัจฉริยะ การผลิตอัจฉริยะ และโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะเป็นหลัก เพื่อนำเสนอโซลูชันระบบงานอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชาญฉลาด บริษัทมีการดำเนินงานทั่วโลกในหลาย ๆ อุตสาหกรรม ทั้งพลังงานใหม่ พลังงานสะอาดที่มีประสิทธิภาพ ระบบอัตโนมัติงานอุตสาหกรรม อุปกรณ์การแพทย์ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1890656/Phase_5_Mohammed_bin_Rashid_Al_Maktoum_Solar_Park.jpg
คำบรรยายภาพ - โครงการโมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มักตูม โซลาร์พาร์ก เฟส 5