ได้แก่ การผลักดันให้แรงงานไทยที่เดินทางไปเก็บผลไม้ป่าในฟินแลนด์ ได้มีสัญญาจ้างงานกับนายจ้าง และได้รับการคุ้มครอง สิทธิประโยชน์ และสวัสดิการตามกฎหมาย สนับสนุนด้านการประสานความร่วมมือระหว่างสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ และกระทรวงแรงงานไทยอย่างต่อเนื่องโดยผ่านกลไกคณะทำงาน (Working Group) ร่วมกัน การผลักดันให้แรงงานไทยที่ไปทำงานในฟินแลนด์ได้รับความคุ้มครองและสวัสดิการตามกฎหมาย ทั้งแรงงานมีทักษะและแรงงานเก็บผลไม้ป่าตามฤดูกาล การผลักดันให้แรงงานไทยไปทำงานในฟินแลนด์มากขึ้น ขยายตลาดแรงงานไทยในฟินแลนด์ และการมีคณะทำงานร่วมกันระหว่างสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮลซิงกิ กับกระทรวงแรงงานในการบริหารจัดการและประสานงานเรื่องแรงงานไทยในฟินแลนด์
นายสุชาติ กล่าวว่า ผมขอขอบคุณท่านเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮลชิงกิ ที่ให้การดูแลแรงงานไทยเป็นอย่างดี และท่านยังได้นำภาคเอกชนทั้ง 3 ท่าน คือ คุณคาริเซ บาริกอร์ทประธานกรรมการบริหาร คุณอิรมา อูริคังกาส ที่ปรึกษาอาวุโส การริเริ่มทางยุทธศาสตร์ และคุณไอเซค กาฟุงเคล ผู้อำนวยการด้านการดึงดูดทรัพยากรมนุษย์ศักยภาพสูง ซึ่งเป็นผู้บริหารของเฮลซิงกิ พาร์ทเนอร์ส มาพบผมเพื่อหารือการนำแรงงานไทยเข้ามาทำงานในฟินแลนด์ในสาขาที่ขาดแคลน ที่สำคัญทางสถานทูตจะให้ความร่วมมือในการพาตัวแทนภาคเอกชนเหล่านี้ได้ไปศึกษาดูงานที่ประเทศไทยภายในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ด้วย เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อมและมีศักยภาพในการจัดส่งแรงงานที่มีทักษะฝีมือเข้ามาทำงานในฟินแลนด์อยู่แล้ว ในปี2564 และ ปี 2565 กระทรวงแรงงานได้มีการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในฟินแลนด์จำนวนรวมทั้งสิ้น 7,902 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเกษตรกร คนเก็บผลไม้ป่า คนงานในฟาร์ม คนทำสวนรองลงมาเป็นกุ๊ก พ่อครัวอาหารไทย ซึ่งในแต่ละปีแรงงานเหล่านี้สามารถสร้างรายได้กลับเข้าสู่ประเทศปีละไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท
ด้าน คุณคาริเซ บาริกอร์ท ประธานกรรมการบริหารของเฮลซิงกิ พาร์ทเนอร์ส กล่าวว่า ขณะนี้ฟินแลนด์ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานเป็นจำนวนมาก เนื่องจากกำลังเข้าสู่สังคมสูงอายุประกอบกับเมืองเฮลชิงกิ ได้เปิดโอกาสให้อุตสาหกรรมในหลายภาคส่วนเข้ามาลงทุนเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางธุรกิจและการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ทำให้มีความต้องการแรงงานที่มีทักษะในสาขาต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก อาทิ สายงานด้านไอที โปรแกรมเมอร์ ผู้ดูแลผู้สูงอายุเทคโนโลยีอัจฉริยะ เป็นต้น
ที่มา: กระทรวงแรงงาน