สมาคมไทยรับสร้างบ้าน (Thai Home Builders Association: THBA) สรุปผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 ในระยะกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ภารกิจและการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาคมฯ โดยเฉพาะกิจกรรมประเภทที่ต้องมีพบปะรวมตัวหรือรวมกลุ่มกัน มีการจัดขึ้นเท่าที่จำเป็นเท่านั้นหรือส่วนใหญ่ต้องหยุดเอาไว้ก่อน เช่น การจัดอีเว้นท์ การประชุมสัมมนา ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันหรือลดความเสี่ยงจากการแพร่และรับเชื้อโรคระบาดโควิด-19
ปัจจุบันสถานการณ์โรคระบาดดังกล่าว ได้เริ่มคลี่คลายและลดระดับความรุนแรงลงมากแล้ว โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้สมาคมฯ ได้การจัดประชุมวิสามัญประจำปี 2565 ครั้งที่ 1 ขึ้นซึ่งเป็นการประชุมทางออนไลน์ โดยมีวาระประชุมที่สำคัญคือ การเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารและนายกสมาคมประจำปี 2565-2567 เพื่อมาขับเคลื่อนนโยบายและกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาคมฯ ให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อสมาชิก ผู้บริโภค หน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
นายนิรัญ โพธิ์ศรี นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ในสมัยที่ตนจะเข้ามาดูแลรับผิดชอบในฐานะนายกสมาคมเป็นระยะเวลา 2 ปีข้างหน้านั้น นโยบายหลัก ๆ ประกอบด้วย 1.มุ่งเน้นการสร้างบ้านประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 2.การยกระดับมาตรฐานสมาชิกรายเก่า-ใหม่ 3.พัฒนาความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐ สำหรับนโยบายสร้างบ้านประหยัดพลังงานนั้น นายกสมาคมคนเก่าได้พยายามผลักดันเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง และกลุ่มสมาชิกสมาคมก็ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ในส่วนของตนก็จะสานต่อในเรื่องนี้ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในสายตาของผู้บริโภคและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ประการถัดมาด้านนโยบายการยกระดับมาตรฐานสมาชิกเก่านั้นตนเองไม่รู้สึกกังวลใด ๆ เพราะสมาชิกมีมาตรฐานสูงเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคดีอยู่แล้ว จะมีความกังวลอยู่บ้างในส่วนของผู้ประกอบการที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกรายใหม่ ซึ่งสมาคมฯ เองคงต้องมีความเข้มข้นในการคัดกรองการเข้าเป็นสมาชิก อย่างไรก็ตาม แนวทางของสมาคมฯ ไม่ได้คาดหวังจะเพิ่มสมาชิกจำนวนมาก แต่จะให้ความสำคัญกับความเป็นมืออาชีพและมีความรับผิดชอบสูง ทั้งต่อลูกค้า ลูกจ้าง คู่ค้า และรับผิดชอบต่อสังคมในแง่ของความโปร่งใสในการประกอบธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
นโยบายประการสุดท้ายคือ การพัฒนาให้เกิดความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐ เพื่อสนับสนุนสินเชื่อปลูกสร้างบ้าน ภายใต้สิทธิประโยชน์และเงื่อนไขที่ธนาคารพึงมอบให้เป็นกรณีพิเศษ แก่ผู้บริโภคที่ใช้บริการสร้างบ้านกับสมาชิกสมาคมฯ ซึ่งข้อมูลที่สมาคมฯ รวบรวมได้จากสมาชิกในปีนี้พบว่า ปริมาณความต้องการขอกู้ยืมเงินหรือขอสินเชื่อเพื่อปลูกสร้างบ้านเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา หรือมีสัดส่วนความต้องการขอสินเชื่อ 43% ของจำนวนผู้ที่เข้ามาติดต่อใช้บริการสร้างบ้านกับสมาชิก และคาดว่าความต้องการขอสินเชื่อสร้างบ้านมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องถึงปีหน้า ดังนั้นเพื่อเป็นทางเลือกที่ดีให้แก่ผู้บริโภคและสร้างโอกาสให้แก่สมาชิก สมาคมฯ จึงจัดให้เรื่องนี้เป็นหนึ่งในนโยบายหลักที่วางไว้ในสมัยของตน
นายนิรัญ กล่าวเสริมอีกว่า ปัจจุบันผู้บริโภคเองทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดมีความตื่นตัวในการเลือกผู้ให้บริการสร้างบ้านเข้มข้นมากขึ้น โดยจะเน้นและให้ความสำคัญหลัก ๆ กับผู้ประกอบการที่มีรูปแบบเป็นองค์กร มีมาตรฐานการให้บริการก่อนและหลังการขายที่ชัดเจน มีความน่าเชื่อถือในแง่ประสบการณ์และผลงานที่ผ่านมา มีนโยบายองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งนี้ด้านผู้ประกอบการต่างก็พยายามปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ดังนั้นจึงพบว่ามีบริษัทรับสร้างบ้านรายใหม่ ๆ ในต่างจังหวัดเข้าสู่ธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศและธุรกิจก่อสร้างจะชะลอตัว โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็กที่ผันตัวเองจากผู้รับเหมารายย่อยทั่วไป มาสู่ธุรกิจรับสร้างบ้านหรือที่เรียกว่าบริษัทรับสร้างบ้าน ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะต้องแข่งขันกับรายเดิมที่เพียบพร้อมทั้งประสบการณ์และความน่าเชื่อถือ รวมทั้งยังจะต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นมืออาชีพเพียงพอที่ผู้บริโภคจะให้ความไว้วางใจได้หรือไม่อีกด้วย
ที่มา: พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล