นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) SUPER เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากปริมาณการผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นจากโครงการโรงไฟฟ้าในมือทั้งในและต่างประเทศ ที่รับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงโรงไฟฟ้าใหม่ที่จะทยอย COD จะช่วยสนับสนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ในส่วนโครงการโรงไฟฟ้าที่เตรียม COD ประกอบด้วย โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรูปแบบ SPP Hybrid ซึ่งเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ขนาดกำลังการผลิต 16 เมกะวัตต์ , โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบเอกชน (Private PPA) เพื่อขายไฟฟ้าให้มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา ด้วยระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาหรือโซลาร์รูฟท็อป ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 14 เมกะวัตต์, โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม (วินด์ฟาร์ม) ในประเทศโดยสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ ซึ่งก่อสร้างเสร็จแล้วและพร้อม COD รวมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะ จังหวัดหนองคาย ขนาดกำลังการผลิต 6 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะสามารถจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้
ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนการสร้างรายได้เพิ่ม ซึ่งในปีนี้จะเติบโตจากปีก่อน สอดคล้องกับกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เปิดดำเนินงานแล้ว 1,586.32 เมกะวัตต์ และในสิ้นปีนี้ 1,652 เมกะวัตต์ และวางเป้าหมายเพิ่มเป็น 2,000 - 2,500 เมกะวัตต์ในปี 67
รวมทั้งบริษัทฯมีแผนที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการ PDP ในประเทศ และแผนพัฒนาพลังงานกำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศเวียดนาม (PDP8) ที่จะมีการเปิดให้ประมูลกว่า 10,000 เมกะวัตต์ ซึ่งจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ ทำให้มั่นใจว่ามีโอกาสที่จะประมูลโครงการดังกล่าวได้อย่างแน่นอน
"ปัจจุบันพอร์ตลงทุนโรงไฟฟ้าของ SUPER มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งโซลาร์ฟาร์มฯ วินด์ฟาร์ม ขยะ ฯลฯ และยังมองหาโอกาส รวมถึงการเข้าซื้อโครงการใหม่ที่ให้ผลตอบแทนที่สูง ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ซึ่งทำให้มีเงินทุนมาต่อยอดโครงการใหม่ๆ ในอนาคตได้ทันที โดยมีแผนจะเข้ายื่นประมูลโครงการต่างๆในประเทศไทยที่กำลังจะเปิดให้สมัครในช่วงปลายปีนี้ " นายจอมทรัพย์ กล่าวในที่สุด
ที่มา: ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น