นายศักดา ศรีแสงนาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจริญอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ CH เปิดเผยว่า ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) หุ้นสามัญของบริษัทฯ ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยใช้ชื่อย่อ CH ภายใต้หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยเริ่มซื้อขายวันที่ 12 กันยายน 2565 เป็นวันแรก ปรากฏว่าราคาเปิดซื้อขายอยู่ที่ 3.42 บาท เพิ่มขึ้น 1.08 บาท หรือ 46.15% เมื่อเทียบกับราคา IPO ที่ 2.34 บาท สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ และนับเป็นก้าวย่างที่สำคัญของการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ การระดมทุน และยกระดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ ให้เป็นที่ยอมรับจากทั้งคู่ค้าในประเทศและต่างประเทศมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตที่ดีในอนาคต
" ผม ในฐานะตัวแทนของบริษัทฯ ขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยทีมผู้บริหารและพนักงานพร้อมจะเดินหน้าทำงานด้วยความมุ่งมั่นเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และมั่นคง ตลอดจนสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้น " นายศักดา กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ การคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพ (Healthy Food) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในระยะยาว นอกเหนือจากการจัดจำหน่ายเองและรับจ้างการผลิต ทั้งเป็นการรักษาฐานลูกค้าเดิมและเพื่อเป็นการขยายฐานการผลิตและสร้างลูกค้าใหม่ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งยังถือเป็นการเพิ่มศักยภาพให้บริษัทฯ สามารถก้าวเป็นผู้นำด้าน INNOVATIVE HEALTHY FOOD ต่อไปในอนาคต
"บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากการวิจัยและพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งของ บริษัทฯ ประกอบกับทีมงานที่มีคุณภาพ และศักยภาพ และประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ทำให้เชื่อว่า ต่อจากนี้บริษัทฯ ยังคงเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน และในปีนี้คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้" นายศักดา กล่าว
ด้านนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การเปิดซื้อขายหุ้นในวันแรกของ CH ในราคาเปิดเหนือจอง ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของบริษัท โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้ไปต่อยอดธุรกิจตามแผนที่กำหนดไว้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งและการเติบโตของธุรกิจในอนาคต
"เนื่องจากบริษัทฯ มีความเป็นผู้นำในการผลิตและจำหน่ายผลไม้และอาหารแปรรูปมาอย่างยาวนานเกือบร้อยปี ทำให้ได้รับการยอมรับในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐานที่ดีและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นโดยการปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ และคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง" นายสมศักดิ์ กล่าว
ขณะที่ นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน CH กล่าวว่า เม็ดเงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO จำนวน 160 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.34 บาท ทำให้บริษัทฯ สามารถระดมทุนได้ประมาณ 354.36 ล้านบาท (ภายหลังหักค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ IPO)โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะใช้ลงทุนสำหรับปรับปรุงโรงงานผลิตสินค้า และก่อสร้างคลังสินค้าเพิ่มเติม ที่โรงงานท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร
โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 86 ล้านบาท ในช่วงปี 2566 -2567 เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการผลิต อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บ (Raw Material) สินค้ากึ่งสำเร็จรูป (Semi-Product) และสินค้าสำเร็จรูป (Finished Goods) สำหรับรองรับการขยายฐานการผลิตและรองรับการขยายตัวของธุรกิจต่อไปในอนาคต ส่วนเงินระดมทุนที่เหลืออีกประมาณ 268.36 ล้านบาท จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
ที่มา: เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น