ปัจจุบัน AQUA ได้เข้าไปลงทุนใน Thai Parcel คิดเป็นสัดส่วน 34.67% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด หลังจากเล็งเห็นแล้วว่า Thai Parcel จะสามารถต่อยอดธุรกิจ Warehouse ซึ่งเป็นธุรกิจเดิมที่มีอยู่ของบริษัทฯได้ ทางบอร์ดจึงได้มีมติอนุมัติการเข้าลงทุนในครั้งนี้ นอกจากนี้ Thai Parcel ยังช่วยเสริมให้ AQUA สามารถเก็บเรียบธุรกิจ Mega Trend ในเฟสแรกของการลงทุนได้อย่างครบองค์ คือ 1.) Fintech 2.) Healthcare และ 3.) Logistic
นายชัยพิพัฒน์ เสริมว่า การส่งบริษัทในเครือเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) "ที่ผ่านมา Thai Parcel มีแผนที่จะเข้าตลท.มาสักพักใหญ่แล้ว ประจวบเหมาะกับที่ทาง AQUA ได้เข้าไปลงทุนพอดี ทำให้สามารถช่วยผลักดันให้การส่ง Thai Parcel เข้าสู่ตลท.ทำได้เร็วและถูกต้องตรงตามขั้นตอนมากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถเข้าสู่ตลท.ได้อย่างเร็วราวไตรมาสที่ 4/2565 นี้ นอกจากนี้ตัวธุรกิจ Logistic ของ Thai Parcel เองมีจุดแข็งอยู่ในตัวคือการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่พิเศษ หรือ Odd Size เนื่องจากการขนส่งพัสดุต่างๆยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคอยู่เสมอ"
แม้ว่าสถานการณ์ภาพรวมธุรกิจโลกจะยังกลับมาฟื้นตัวได้อย่างไม่เต็มที่ แต่ AQUA มีพื้นฐานที่มั่นคง มีเงินสดเหลือสำหรับการลงทุน จึงอยู่ระหว่างการศึกษาหา Mega Trend ใหม่ๆเพิ่มเติมมาเสริมพอร์ตการลงทุนของบริษัทฯ ด้วยเราเชื่อว่าในทุกวิกฤตยังมีโอกาส
นอกจากแผนการส่งบริษัทในเครือเข้าสู่ตลท.ในช่วงไตรมาส 4/2565 แล้ว ธุรกิจ Fintech ในรูปแบบ Peer to Peer Lending Platform (P2P) ที่ทาง AQUA ได้ลงทุนร่วมกับบริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ "NEWS" ไปเมื่อช่วงต้นปี ยังมีความคืบหน้าในทางที่ดี คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการแก่นักลงทุนและผู้ถือหุ้นได้ในอีกไม่นานนี้
ที่มา: อควา คอร์เปอเรชั่น