นายทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น ประเทศไทย กล่าวว่า "การเปิดให้ใช้บริการ MySQL HeatWave ของออราเคิลบนแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Amazon Web Services ถือเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับบริการและยกระดับประสิทธิภาพการทำงานครั้งสำคัญให้แก่ลูกค้าในเมืองไทย วันนี้ ลูกค้า AWS สามารถใช้ประโยชน์จากแอปพลิเคชันบนฐานข้อมูลในคลาวด์ได้อย่างเต็มที่ โดยไม่จำเป็นต้องย้ายข้อมูลไปประมวลผลหรือทำการวิเคราะห์นอกฐานข้อมูลของตัวเอง อีกทั้ง MySQL HeatWave บน AWS ยังทำงานได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และส่งมอบเนื้องานได้มากกว่าบริการของแพลตฟอร์มอื่น ๆ หลายสิบเท่า โดยการนำเสนอบริการนี้สอดคล้องตามแนวทางการพัฒนานวัตกรรมของออราเคิล ที่มุ่งมั่นนำเสนอให้แก่ลูกค้าและพันธมิตรในเมืองไทยมาอย่างต่อเนื่องและตลอดไป"
เอนิช คูมาร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ 6D Technologies ผู้ให้บริการโซลูชันไฮเทคในธุรกิจโทรคมนาคมของอินเดียที่มีลูกค้ามากกว่า 80 ประเทศ กล่าวว่า "บริการ MySQL HeatWave บน AWS ทำรายการข้อมูลที่ซับซ้อนได้เร็วกว่า Amazon RDS และ Aurora ถึง 139 เท่า ซึ่งมอบโอกาสสำคัญให้เราสามารถปรับโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลให้เรียบง่ายได้ทั้งส่วน OLTP และ OLAP ด้วยความหน่วงสัญญาณที่ต่ำกว่าหลักวินาที นอกจากนี้ เว็บคอนโซลยังตั้งค่าได้ง่ายและสามารถตรวจดูเมตริกประสิทธิภาพการทำงาน พร้อมการรายงานผลแบบอินเตอร์แอ็กทีฟที่รวดเร็ว ทำให้ MySQL HeatWave เหมาะอย่างยิ่งสำหรับบริการแบบไมโครเซอร์วิสของเรา และเสริมการใช้งานคลาวด์เพื่อมอบประสบการณ์และประสิทธิภาพที่เหนือล้ำแก่ลูกค้าของเรา"
ออราเคิลยังนำเสนอข้อมูลขีดความสามารถและเกณฑ์วัดประสิทธิภาพด้านต่าง ๆ ของบริการ MySQL HeatWave บน AWS ซึ่งได้แก่
- ประสิทธิภาพการทำงานและประสิทธิภาพต่อราคาที่ดีเยี่ยม: บริการ MySQL HeatWave บน AWS ได้รับการปรับแต่งให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบบนแพลตฟอร์ม AWS ด้วยโครงสร้างการทำงานชั้นเยี่ยมที่มอบประสิทธิภาพสูงกว่าและต้นทุนต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับบริการของคู่แข่งตามเกณฑ์มาตรฐานอุตสาหกรรม โดยเมื่อพิจารณาตามเกณฑ์ 4TB TPC-H* พบว่า MySQL HeatWave บน AWS มีประสิทธิภาพต่อราคาดีกว่า Amazon Redshift 7 เท่า ทำงานเร็วกว่า Snowflake 10 เท่า ทำงานดีกว่า Google BigQuery 12 เท่า และใช้งานได้ดีกว่า Azure Synapse 4 เท่า ส่วนในด้านการเรียนรู้ของเครื่อง MySQL HeatWave บน AWS ทำงานเร็วกว่าการเรียนรู้ของเครื่องใน Redshift ถึง 25 เท่า ส่วนในเกณฑ์ภาระงานแบบ 10GB TPC-C* พบว่า MySQL HeatWave บน AWS ให้ปริมาณงานที่สูงและสม่ำเสมอว่าถึง 10 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับ Amazon Aurora ในการรับมือชุดข้อมูลปริมาณมาก โดยข้อมูลการเปรียบเทียบตามเกณฑ์ทั้งหมดมีอยู่ใน GitHub ให้ลูกค้าสามารถคัดลอกได้
- ประสบการณ์การใช้งานเหมือน AWS: บริการ MySQL HeatWave บน AWS มอบประสบการณ์การใช้งานตามแบบฉบับของแพลตฟอร์ม AWS ให้แก่ลูกค้า AWS โดยมีความหน่วงสัญญาณต่ำมากที่ระดับมิลลิวินาทีในการทำงานกับแอปพลิเคชันและคอนโซลแบบอินเตอร์แอ็กทีฟ ช่วยสนับสนุนการบริหารแผนผังงานและข้อมูลจากคอนโซลแบบอินเตอร์แอ็กทีฟ ผู้ใช้จึงสามารถตรวจสอบทั้งการทำงานของรายการข้อมูลและการใช้ทรัพยากรที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ คอนโซลยังผสานฟีเจอร์ MySQL Autopilot เพื่อให้ทำงานได้ง่ายขึ้น
- ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยขั้นสูง: บริการ MySQL HeatWave มอบฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยอย่างครอบคลุมซึ่งมีคุณสมบัติเฉพาะที่แตกต่างจาก Amazon Aurora อาทิ การสร้างข้อมูลด้านเซิร์ฟเวอร์และการอำพราง การเข้ารหัสข้อมูลแบบอสมมาตร และไฟร์วอลล์ในฐานข้อมูล โดยการเข้ารหัสข้อมูลแบบอสมมาตรช่วยให้นักพัฒนาและผู้ดูแลฐานข้อมูลสามารถยกระดับการปกป้องข้อมูลลับเฉพาะและใช้ลายเซ็นดิจิทัลเพื่อยืนยันตัวตนของผู้ที่ลงนามเอกสาร ส่วนไฟร์วอลล์ฐานในข้อมูลมอบการปกป้องแบบเรียลไทม์ต่อการโจมตีที่พุ่งเป้ามาที่ฐานข้อมูลโดยเฉพาะ เช่น SQL Injections ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อมอบการปกป้องที่ดีที่สุดในคลาสให้กับผู้ใช้ฐานข้อมูล ซึ่งแตกต่างจากของ Amazon Aurora ที่ขั้นตอนความปลอดภัยจะถูกวางเป็นชั้น ๆ ครอบทับบนฐานข้อมูล
- MySQL Autopilot: Autopilot มอบการทำงานระบบอัตโนมัติที่วิเคราะห์ภาระงานบนพื้นฐานการเรียนรู้ของเครื่องที่ครอบคลุมด้านต่าง ๆ ในวงจรแอปพลิเคชัน ซึ่งรวมถึงการจัดเตรียมระบบ การบริหารข้อมูล การทำรายการข้อมูล และการรับมือข้อผิดพลาด โดย Autopilot จะมอบฟีเจอร์การทำงานครอบคลุมทั้งการจัดเตรียมระบบอัตโนมัติ การโหลดข้อมูลแบบอัตโนมัติ การเข้ารหัสอัตโนมัติ การบรรจุข้อมูลอัตโนมัติ การกำหนดตารางงานอัตโนมัติ การยกระดับแผนรายการอัตโนมัติ การแจ้งการเปลี่ยนแปลงอัตโนมัติ และการรับมือข้อผิดพลาดอัตโนมัติ ซึ่งเมื่อฟีเจอร์เหล่านี้ทำงานประสานกันจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันและลดต้นทุนด้วยการกำหนดโครงสร้างที่ดีที่สุดเพื่อรับมือกับภาระงาน และลดภาระแรงงานในการดูแลฐานข้อมูล วันนี้ ออราเคิลได้นำเสนอขีดความสามารถเพิ่มเติมของ Autopilot ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการทำธุรกรรมออนไลน์ (OLTP) ซึ่งส่งผลถึงการเพิ่มประสิทธิภาพต่อราคาของ MySQL HeatWave เมื่อเปรียบเทียบกับ Amazon Aurora ซึ่งได้แก่ฟีเจอร์ Auto Thread Pooling จะมอบปริมาณงานที่มากและสม่ำเสมอกว่าเมื่อต้องทำงานกับข้อมูลปริมาณมาก ผ่านการกำหนดจำนวนรายการธุรกรรมที่สามารถทำรายการได้ ส่วน Auto Shape Prediction จะกำหนดโครงสร้างที่มีประสิทธิภาพต่อราคาสูงสุดแก่ OLTP สำหรับการนำไปผสานกับระบบเดิมที่ใช้งานอยู่ ซึ่งอาจให้คำแนะนำว่าจะสามารถใช้ระบบเดิมต่อไปแต่เพิ่มขนาดระบบให้ใหญ่ขึ้นเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือลดขนาดเป็นโครงสร้างที่เล็กลงเพื่อลดต้นทุน รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งที่ให้ประสิทธิภาพต่อราคาดีที่สุด
- การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning): ML ใน HeatWave มอบขีดความสามารถการเรียนรู้ของเครื่องในฐานข้อมูล ซึ่งรวมถึงการทดสอบ การวินิจฉัย และการให้คำอธิบาย ช่วยให้ลูกค้าใช้ฟังก์ชั่นการเรียนรู้ของเครื่องกับข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้อย่างปลอดภัยโดยปราศจากความซับซ้อน ความหน่วงสัญญาณ หรือต้นทุนจากการทำขั้นตอน ETL โดย ML ใน HeatWave สามารถทำงานแบบอัตโนมัติได้ตลอดวงจรอายุและจัดเก็บโมเดลที่ผ่านการทดสอบแล้วไว้ในฐานข้อมูล MySQL โดยไม่ต้องย้ายไปเก็บในเครื่องมือหรือบริการ ML อื่น ๆ ให้เสียเวลา ฟีเจอร์นี้เป็นบริการเสริมฟรีสำหรับลูกค้า MySQL HeatWave ซึ่งยังไม่มีผู้ให้บริการคลาวด์ฐานข้อมูลหรือฐานข้อมูลแบบเปิดรายใดที่มีขีดความสามารถการเรียนรู้ของเครื่องในฐานข้อมูลระดับสูงเช่นนี้ โดยเฉลี่ยแล้ว ML ใน HeatWave สามารถทำการทดสอบโมเดลได้เร็วกว่า Redshift ML 25 เท่าและมีการปรับสเกลแบบกลุ่ม วันนี้ ลูกค้า MySQL HeatWave จึงสามารถทดสอบโมเดลได้บ่อยขึ้นและปรับปรุงให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อให้การทำนายผลมีความแม่นยำสูงขึ้น
เตรียมพร้อมสำหรับระบบคลาวด์แบบกระจายศูนย์
ปัจจุบัน บริการ MySQL HeatWave เปิดให้บริการในคลาวด์หลากหลายแพลตฟอร์ม ซึ่งจะรวมถึง OCI, AWS, และ Microsoft Azure ในอนาคตอันใกล้ ทั้งยังเปิดบริการให้ใช้ในระบบที่ใช้เฉพาะในบริษัท โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Oracle Dedicated Region Cloud@Customer สำหรับองค์กรต่าง ๆ ที่ไม่สามารถย้ายภาระงานของฐานข้อมูลเข้าสู่ระบบคลาวด์สาธารณะได้ ลูกค้าก็สามารถคัดลอกข้อมูลจากแอปพลิเคชัน MySQL OLTP จากระบบในบริษัทมาไว้ใน MySQL HeatWave บน AWS หรือ OCI ได้ เพื่อรับการวิเคราะห์ได้ใกล้เคียงกับเวลาแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ บริการ MySQL HeatWave จะทำงานด้วยฐานข้อมูล MySQL เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดอยู่เสมอ ซึ่งมีผู้ให้บริการ MySQL เพียงไม่กี่รายที่สามารถทำได้ในระดับนี้
"แม้แพลตฟอร์ม AWS จะมอบบริการฐานข้อมูลบนคลาวด์มากมายที่เหมาะสมกับข้อมูลและขีดความสามารถเฉพาะแบบ แต่ MySQL HeatWave บน AWS ทำงานด้วยกลยุทธ์ฐานข้อมูลแบบบูรณาการของออราเคิลที่มอบความสามารถทั้งการทำธุรกรรม การสร้างบทวิเคราะห์ การเรียนรู้ของเครื่อง และระบบอัตโนมัติ Autopilot ได้ทั้งหมดในหนึ่งเดียว สำหรับผู้ใช้งาน AWS สิ่งนี้หมายถึงการได้รับบริการเสริมที่ไม่มีการคิดเงินเพิ่ม พื้นที่จัดเก็บข้อมูลเพิ่มพิเศษ ไม่มีค่าธรรมเนียมการย้ายข้อมูล ตัวเชื่อมต่อระบบ และอีกมากมาย สำหรับทีมงานฝ่ายไอทีและนักพัฒนาที่วิตกกังวลเรื่องต้นทุน บริการ MySQL HeatWave บน AWS จะทำให้คุณเป็นเจ้าของระบบที่ไม่ต้องใช้เงินทุนในการซื้อบริการเสริมบน AWS และไม่มีค่าธรรมเนียมการย้ายข้อมูล" มาร์ค สไตเมอร์ นักวิเคราะห์อาวุโส Wikibon กล่าว "ราวกับยูเซน โบลต์ ทิ้งห่างคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่นและสร้างสถิติโลกใหม่ที่ยังไม่มีใครทำลายได้จนบัดนี้ ผลการวัดเกณฑ์ด้านประสิทธิภาพต้นทุนล่าสุดของเราแสดงให้เห็นว่าบริการ MySQL HeatWave บน AWS ทำงานดีกว่า Amazon Redshift ถึง 7 เท่า ซึ่งถ้าคุณกำลังแสวงหาผลกำไร ก็คงเลือกได้ไม่ยาก"
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
- ทดสอบเกณฑ์ประสิทธิภาพของคุณได้ที่นี่
- ดูวิดีโออธิบายเกี่ยวกับ MySQL HeatWave
รายการเกณฑ์มาตรฐานนำข้อมูลมาจากเกณฑ์ TPC ทว่าผลลัพธ์ไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบได้กับผลลัพธ์เกณฑ์ TPC ที่ถูกตีพิมพ์ เนื่องจากไม่สอดคล้องตามข้อกำหนด TPC
ที่มา: วิวาลดี้ อินทิเกรเต็ด พับลิค รีเลชั่นส์