บล.ทรีนีตี้ จำกัด ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้นของ บริษัท ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ECL โดยระบุว่ากำไรสุทธิในปี 2565 ของ ECL คาดว่าจะอยู่ที่ 180 ล้านบาท กำไรงวด 1H65 คิดเป็นราว 58% ของประมาณการทั้งปีและแนวโน้ม 2H65 คาดว่าสินเชื่อจะขยายตัวดีขึ้นจาก Momentum ของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ในช่วงตุลาคม 2565 คาดว่าจะเริ่มเห็นการปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถบรรทุกหลังการลงระบบต่างๆ มีความพร้อมและอยู่ระหว่างการร่วมมือกับ Platform ขายรถยนต์มือสอง เพื่อปล่อยสินเชื่อรถยนต์มือสอง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มในไตรมาส 4/2565 ด้วยเช่นกัน ด้านยอดขาดทุนรถยึดคาดว่าจะมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องใน 2H65 เช่นกัน
แต่ยังต้องติดตามประเด็นเรื่องค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ว่าจะปรับตัวขึ้นหรือไม่ หลังมีการกลับมาสำรองหนี้ในปี 2564 และตั้งสำรองหนี้ในระดับต่ำในไตรมาส 1/2565-2/2565 ทำให้ระดับ NPL Coverage Ratio ปัจจุบันลดลงเหลือ 83% จาก 87% ในไตรมาส 1/2565 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อการปรับประมาณการในอนาคต ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายสำหรับปี 2566 ที่ 2.90 บาท อิง PBV 1.6 เท่า จากราคาเป้าหมายปี 2565 เดิมที่ 2.80 บาท ตามวิธี GGM (Long-term ROE 11%, Ke 8.4% และ Long-term Growth 4%) ราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงมาทำให้ระดับ Upside เริ่มน่าสนใจ จึงคงคำแนะนำซื้อ
บล.บัวหลวง ออกบทวิเคราะห์คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตทั้งจากงวดเดียวกันปีก่อนและจากไตรมาสที่ผ่านมา โดยในไตรมาส 3/2565 คาดว่ากำไรหลักจะเพิ่มขึ้นจากการตั้งสำรองที่ลดลงเมื่อเทียบกับฐานสูงถึง 24 ล้านบาทในไตรมาส 3/2564 และรายได้ดอกเบี้ยรับเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาจากฐานต่ำ โดยในเดือนกันยายนนี้ ECL จะเริ่มธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ (Car for Cash) ที่ให้ดอกเบี้ยรับราว 17-18% ต่อปี (หลังคิดโปรโมชั่นแล้ว) ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยปัจจุบันที่ 11-12% ต่อปี
นอกจากนี้จากตลาดรถมือสองยังคงมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน (Supply Shortage) สำหรับรถมือหนึ่งและกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลงทำให้บางส่วนหันมามองเป็นทางเลือกแทน ดังนั้น ECL จึงมองโอกาสขยายพอร์ต สินเชื่อกลุ่มนี้เชิงรุก อาทิการจับมือกับพันธมิตรรายใหม่ที่มีฐานลูกค้า ประกอบกับ ECL เองก็ได้รับการสนับสนุนวงเงินจากพันธมิตรญี่ปุ่นที่ให้วงเงินกู้ยืมบนดอกเบี้ยจ่ายรวมค่าธรรมเนียมค้ำประกันที่ต่ำราว 2.6% ต่อปี (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยต้นทุนทางการเงินของ ECL ใน 2/65 อยู่ที่ 3.9% ต่อปี) ทำให้สามารถออกแคมเปญการตลาดกระตุ้นสินเชื่อควบคู่ไปกับรักษา Spread ได้ด้วย ส่วนคุณภาพสินทรัพย์ (NPL) คาดรักษาไว้ที่ไม่เกิน 5% ของสินเชื่อ รวมได้
ผลกำไรใน 1H65 คิดเป็น 45% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2565 โดยฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์คงประมาณการกำไรทั้งปีไว้ตามเดิมที่ 231 ล้านบาท (เติบโต 19% จากงวดเดียวกันปีก่อน) เนื่องจากมองว่าผลกำไรส่วนใหญ่จะอยู่ใน 2H65 ทั้งตามปัจจัยฤดูกาลและการเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากธุรกิจใหม่ อีกทั้งยังมีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นจากการร่วมมือขยายธุรกิจกับพันธมิตรใหม่ๆ ที่อยู่ระหว่างเจรจา ดังนั้นจึงคงคำแนะนำซื้อและราคาเป้าหมายปีนี้ไว้ที่ 3.20 บาท อิงเป้าหมาย PER ที่ค่าเฉลี่ยกลุ่ม 20 เท่าตามเดิมและใช้ EPS ปีนี้ แบบ Fully-diluted รวมผลกระทบของ ECL-W4 ที่คิดเป็น EPS Diluted ราว 25% ไว้แล้วตามหลักการอนุรักษ์นิยม
ด้านนายดนุชา วีระพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ECL ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสอง บริการรับต่อกรมธรรม์ประกันภัยและ พ.ร.บ.ผู้ประสบภัยทางรถยนต์ เปิดเผยว่าปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาและมองหาโอกาสเจรจาพันธมิตรรายใหม่ ร่วมกันและต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ เช่น ธุรกิจติดตามหนี้และธุรกิจอื่นๆ ยกระดับการดำเนินงานให้มีบริการที่ครบวงจรมากขึ้น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในระยะถัดไป
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/2565 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย ทำให้บริษัทฯ สามารถทำการตลาดในธุรกิจใหม่ๆ ในไตรมาสนี้ได้ โดยจะเริ่มลงทุนในสินเชื่อ Car for Cash และ รถยนต์ EV ดังนั้นจึงยังคงเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 6,000 ล้านบาท และตั้งเป้าภายใน 1-2 ปีข้างหน้ามีพอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 10,000 ล้านบาท
ที่มา: ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง