นายภัทรพงศ์ กัณหสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย และประธานกรรมการ บริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด (เควิชั่น) เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดเทคโนโลยีด้านสุขภาพ (Healthcare technology หรือ Healthtech) ในประเทศอินโดนีเซียถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูงและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีปัจจัยหนุนจากจำนวนประชากรที่มากเป็นอันดับ 4 ของโลกหรือมีจำนวนประชากรประมาณ 225 ล้านคน การให้บริการของ Alodokter เข้ามาแก้ปัญหาพื้นฐานเกี่ยวกับการให้บริการด้านสุขภาพในประเทศอินโดนีเซีย ที่บุคลากรทางการแพทย์มีการกระจุกตัวอยู่ในเมืองใหญ่ ผู้ใช้บริการจึงเข้าถึงได้ยากในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งการให้บริการ Healthtech จะเข้ามามีส่วนช่วยในการแก้ปัญหานี้ โดยในปี 2566 มีการคาดการณ์การเติบโตของรายได้ของ Healthtech ที่ 1.27 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.6 หมื่นล้านบาท โดยมีบริการด้านสุขภาพทางไกล (Telehealth) เป็นธุรกิจหลักที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในกลุ่มอุตสาหกรรม
เควิชั่น จึงได้แนะนำ บีคอนให้ร่วมลงทุนใน Alodokter สตาร์ทอัพผู้ให้บริการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) แบบครบวงจรในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งให้บริการด้านการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพและอาการเจ็บป่วยต่างๆ การให้บริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ การรับจองคิวนัดพบแพทย์ในสถานพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน รวมถึงการซื้อยาและเวชภัณฑ์ โดยมีช่องทางการชำระค่าบริการที่หลากหลาย อีกทั้งยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพที่ช่วยให้ผู้ป่วย ได้รับบริการด้านสุขภาพที่สะดวกสบายและราคาไม่แพง ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้บริการ Alodokter ในอินโดนีเซียผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ และเว็บไซต์ กว่า 30 ล้านคน การลงทุนครั้งนี้ จะเป็นโอกาสให้ธนาคารส่งมอบบริการทางการเงินแก่ผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม Alodokter ทั้งการนำเสนอสินเชื่อสำหรับแพทย์และบุคคลทั่วไป รวมถึงผู้ประกอบการโรงพยาบาล คลินิก ร้านขายยาเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ อีกทั้งยังมีการให้บริการภาคธุรกิจในเรื่องระบบบัญชีเงินเดือนและระบบธุรกรรมรับชำระเงิน (Payment Channel)
นายนาธาเนียล ไฟบิส ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอโลดอกเตอร์ (Alodokter) กล่าวว่าการให้บริการของแพลตฟอร์ม Alodokter ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องเดินทางไปสถานพยาบาล ซึ่งช่วยลดต้นทุนด้านค่ารักษาพยาบาล นอกจากนี้ การพบแพทย์ผ่านแพลตฟอร์มได้ส่งผลให้ค่าเบี้ยประกันสุขภาพมีราคาถูกลง เนื่องจากการวิเคราะห์โรคเบื้องต้นเป็นผลดีกับ อัตราการเบิกค่าสินไหมทดแทน และความสามารถในการแข่งขันทางด้านราคา จึงนับว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจสำหรับ Alodokter ในการนำเสนอประกันสุขภาพที่มีราคาถูกและเข้าถึงง่ายในอนาคต
สำหรับความร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้ ซึ่งได้รับการแนะนำจากเควิชั่น มีความมั่นใจว่าการได้ร่วมลงทุนกับบีคอนจะเป็นการสนับสนุนให้สามารถให้บริการผู้ป่วยหลายล้านคนในอินโดนีเซียและไทยได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยเควิชั่นได้แนะนำ บีคอน ให้เป็นผู้ร่วมลงทุนรายล่าสุดของ Alodokter ซึ่งได้รับความสนใจกลุ่มทุนนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็น Softbank Ventures, Sequis, Golden Gate Ventures, Philips, Heritas MDI Ventures, Samsung Ventures และ Hera Capital
ที่มา: ธนาคารกสิกรไทย
