คุณสิทธิพงษ์ กล่าวว่า "ร้านคาโกะโนยะมีต้นกำเนิดมาจากเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 1990 เป็นร้านอาหารชาบูระดับพรีเมียม ซึ่งมีกว่า 100 สาขา ในโอซาก้า เกียวโต และโตเกียว ซึ่งเราเล็งเห็นแล้วว่าถ้าได้มีโอกาสมาเปิดในไทย คงเป็นอีกร้านชาบูที่จะได้รับความนิยม ร้านคาโกะโนยะ จึงมาเปิดในเมืองไทย ถึงวันนี้ 11 ปีแล้ว ปัจจุบันนี้มีทั้งหมด 12 สาขา ซึ่งรวมสาขาใหม่เซ็นทรัลเวิลด์ และยังมีแผนที่จะเปิดสาขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายฐานลูกค้าไปตามโซนใหม่ๆ"
จุดเด่นของร้าน คือ ความเป็นโอซาก้าแท้ๆ ซึ่งมีรูปแบบที่หลากหลายมากกว่าในฝั่งโตเกียว เพราะ โอซาก้าเป็นเมืองหลวงมาอย่างยาวนาน จึงมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมากกว่า เราจึงมีความวาไรตี้ของอาหารที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหลายส่วนนำเข้าจากต่างประเทศ ที่คัดสรรมาแล้วว่าเนื้อแบบไหนเหมาะกับการทานคู่ชาบูมากที่สุด ขอแนะนำเนื้อคาโกะโนยะสุดยอดเนื้อวัวเกรดพรีเมียมสายพันธุ์ แบล็กแองกัส ที่มีเสิร์ฟเฉพาะที่ร้าน Kagonoya เท่านั้น ที่เลี้ยงอย่างพิถีพิถันในสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์ตามธรรมชาติ พร้อมทานคู่กับน้ำซุปต้นตำรับเข้มข้นในแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ๆ และยังมีของทานเล่นกว่า 60 รายการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหารท้องถิ่นของโอซาก้า และทานได้ไม่อั้น ราคาเริ่มต้นเมนู All You Can Eat ที่ราคา 549++ บาท
ทั้งนี้ ปัจจุบัน W ดำเนินธุรกิจด้าน Food and Beverage โดยมีหลากหลายแบรนด์ในเครือนอกจาก Kagonoya แล้วยังมี Le Beouf : Steakhouse สไตล์ฝรั่งเศส ที่มีจุดเด่นเป็น Signature ซอส Cafe De Paris, BAKE WORKS : ร้านที่รวม 3 แบรนด์ขนมดังส่งตรงจากญี่ปุ่น Bake cheese tart ชีสทาร์ตจากฮอกไกโด, Rapl พายแอปเปิ้ลจากอาโอโมริและครีมคัสตาร์ด และชูครีมแท่ง Zaku Zaku สอดไส้คัสตาร์ดนมรสวานิลาที่ทำจากนมฮอกไกโดแท้ 100% , La Lune Macaron : พรีเมียมมาการองสไตล์ใหม่ ทานคู่กับม็อกเทลซอสผลไม้สุดพิเศษ, Domino's Pizza พิซซ่าเสิร์ฟร้อนส่งเร็วและธุรกิจร้านอาหารในโรงแรมอย่าง Jardin Du Boeuf : ร้าน Steakhouse ที่มาพร้อม concept "Sustainability" อร่อยแบบยั่งยืน ใช้วัตถุดิบอย่างคุ้มค่า และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่ได้ร่วมลงทุนกับเชฟดีเค (Deepanker Khosla) และเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ทางบริษัทฯยังมีแผนขยายสาขาร้านอาหารและร้านขนมในเครืออย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวเข้าสู่ผู้นำของตลาด Food and Beverage ต่อไป
ที่มา: บางกอก ออทัม