ดร.นพ. ไพโรจน์ กล่าวต่อว่า การประชุมยังยกระดับหุ้นส่วนการทำงานระหว่างภาคส่วนสุขภาพและภาคส่วนการพัฒนาเมืองผ่านเครือข่ายเมืองสุขภาวะ (Healthy City Network) โดยประกอบด้วยกิจกรรมสำคัญ เช่น การหารือเชิงนโยบายด้านธรรมาภิบาลเมืองสุขภาวะกับหลายภาคส่วน นิทรรศการเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และแนวปฏิบัติที่ดีด้านการสร้างเสริมสุขภาพจากสสส. องค์การอนามัยโลก และประเทศสมาชิก WHO-SEARO เป็นต้น โดย สสส. มีความร่วมมือกับ WHO-SEARO มาอย่างต่อเนื่องกว่า 10 ปี โดยนอกจากมีการขับเคลื่อน MOU ร่วมกันแล้ว ที่ผ่านมา สสส. ยังได้ร่วมกับ WHO-SEARO และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พัฒนาคู่มือ Healthy Space Next Door จากต้นทุนการพัฒนางานพื้นที่สุขภาวะบริบทประเทศไทย เพื่อให้เมืองต่างๆในประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้และตะวันออกนำไปใช้ในการออกแบบพื้นที่สุขภาวะในชุมชนเมืองอีกด้วย
ดร.ณัฐพันธ์ ศุภกา ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาภาคีสัมพันธ์และวิเทศสัมพันธ์ เสริมว่าการจัดประชุมครั้งนี้ถือเป็นกิจกรรมแรก ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง สสส. กับ WHO-SEARO ฉบับล่าสุด ปี พ.ศ. 2565 - 2568 ที่มุ่งสร้างเสริมสุขภาพผ่านการทำงานกับทุกภาคส่วน เพื่อส่งเสริมสุขภาวะเขตเมือง (Urban Health)ง และพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการสร้างเสริมสุขภาพทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียใต้และตะวันออก ทั้งนี้ การจัดการประชุมในครั้งนี้ สสส. ร่วมออกบูธนิทรรศการเพื่อแบ่งปันผลงานเด่น (best practices) แนวทางหรือเครื่องมือ (guidance and tools) ในประเด็นสร้างเสริมสุขภาพที่หลากหลาย อาทิ การสร้างความปลอดภัยทางถนน (Road Safety) มหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาวะ (Healthy University) ชุมชนสุขภาวะ (Healthy Community) พื้นที่สุขภาวะและกิจกรรมทางกาย (Healthy Space and Physical Activity) นอกจากนี้ ยังมีผู้บริหาร สสส. และภาคีเครือข่ายที่มีความเชี่ยวชาญเข้าร่วมประชุมในเวทีหลัก เพื่อแลกเปลี่ยนและแบ่งปันการทำงานจากประสบการณ์จริงในการทำงานด้านการสร้างเสริมสุขภาพ
ที่มา: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ( สสส.)