นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า แม้ว่าปีนี้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี และ NFT จะมีความผันผวนหรือที่เรียกกันว่าภาวะตลาดหมี แต่เจ เวนเจอร์สยังคงมองเห็นว่าแนวโน้มของตลาดในภาคธุรกิจว่ามีโอกาสเติบโต สะท้อนได้จากเทรนด์และความสนใจจากหลายอุตสาหกรรม ที่ได้นำ NFT เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการวางกลยุทธ์ทางการตลาดให้กับแบรนด์ มีหลายแบรนด์ดังที่เข้าสู่วงการ NFT และเปิดธุรกิจใน Metaverse เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ รวมถึงการสร้างชุมชนของแฟนคลับให้ขยายฐานออกไปกว้างมากขึ้น รองรับการเติบโตของกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบเทคโนโลยี
"เทคโนโลยีบล็อกเชนและแพลตฟอร์มที่เจ เวนเจอร์สได้พัฒนาขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น JFIN Chain ซึ่งเป็นบล็อกเชนของเราเอง หรือ JNFT Marketplace แพลตฟอร์ม NFT ที่พร้อมใช้งาน จากเดิมเราที่เน้นสร้างแพลตฟอร์มสำหรับให้ครีเอเตอร์ได้มาพบกับคอลเล็กเตอร์ จากช่วงปีที่ผ่านมาเราได้พัฒนา Infrastructure ให้พร้อมรองรับทุกการเติบโต ทำให้เราเห็นถึงศักยภาพที่จะสร้างให้เกิดอีโคซิสเต็มของ NFT กับพันธมิตรของเรา ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ หรือรัฐวิสาหกิจ ที่จะทำให้ครีเอเตอร์ได้มีโอกาสมากกว่าแค่เพียงสร้างงานให้เกิดการสะสม หรือซื้อขาย และธุรกิจเองก็จะได้ใช้เทคโนโลยีนี้ให้เป็นมากกว่าของสะสม หรือกิจกรรมทางการตลาดเท่านั้น แต่จะเป็นทั้ง Loyalty Program หรือการจัดอีเวนต์ทุกรูปแบบ และที่สำคัญถือเป็นอีกส่วนในการขับเคลื่อนองค์กรให้เป็น DX หรือ Digital Transformation อีกด้วย " นายธนวัฒน์ กล่าว
ด้านนายวรพจน์ ธาราศิริสกุล Chief of Technology บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามามีบทบาทในทุกส่วนของชีวิตประจำวัน ทำให้ภาคธุรกิจเองได้นำเอา NFT เข้ามาใช้ในกิจกรรมทางการตลาดมากขึ้น ด้วยความพร้อมของ JNFT ที่พัฒนาแพลตฟอร์มบน JFIN Chain ทำให้ช่วงไตรมาสที่ผ่านมา เราได้ร่วมกับพันธมิตรนำเอา NFT เข้ามาใช้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในเรื่องของการตลาด การสร้างยอดขาย การทำกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ รวมถึงการนำเอาเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้เป็นเครื่องมือช่วยสร้างความมั่นใจ และความโปร่งใสของการทำธุรกรรมด้วย
ทั้งนี้ที่ผ่านมา JNFT โดย บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด ได้ร่วมมือกับองค์ธุรกิจชั้นนำระดับประเทศในการสร้างประสบการณ์ด้าน NFT ที่หลากหลาย ได้แก่
- Index Creative Village: โดยใช้ Immersive Experience หรือ รูปแบบการสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ ที่น่าตื่นเต้น เร้าใจแก่ผู้ใช้งาน เพื่อให้รู้สึก "อิน" ผ่านการจัดคอนเสิร์ต NFT ที่ทำให้ผู้คนดื่มด่ำกับประสบการณ์ดิจิทัลทั้งในด้านดนตรี ด้านไลฟ์สไตล์ และด้านศิลปะดิจิทัลเข้าด้วยกัน
- บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด: สร้างสรรค์ 1st NFT Stamp ครั้งแรกของอาเซียน เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 140 ปี โดย JNFT เป็นผู้สร้างระบบการใช้งาน และร่วมกับพาร์ทเนอร์ในการรวมกลุ่มศิลปินและชุมชน NFT ที่มีชื่อเสียงที่สุดในไทยมารวมตัวกัน เพื่อช่วยเสริมสร้างการรับรู้ถึงประสบการณ์การสะสมแสตมป์ที่แตกต่างจากเดิมเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล
- บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด: เปิดประสบการณ์ใหม่แก่ผู้บริโภคแบบ Customer Experience กับครั้งแรกของการครอบครองของขวัญสุดสมาร์ทอย่าง "Jaybird NFT Collection 2022" ของพรีเมียมอินเทรนด์ล้ำยุค ที่ไม่ซ้ำใคร จำนวน 7,777 ชิ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Enjoy MetaWorld"
- Pixel Paint ผู้เชี่ยวชาญในวงการศิลปะเมืองไทย: โดยใช้ Expressive Experience ร่วมมือกับโครงการ Portraits by Sakwut เพื่อนำเอา NFT มาใช้เป็นสื่อกลางในการสร้างประสบการณ์การซื้อขายสิทธิ์ เพื่อยืนยันว่าใครคือผู้ที่ซื้อ เพื่อยืนยันตัวตนในการรับรูปภาพ โดยหลังจากเปิดการขาย 3 รอบได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยพบว่าในรอบแรกมียอดจองขายหมดภายใน 24 ชั่วโมง โดยมีการจัดงานรูปแบบ Physical และรูปแบบ Live Sketch NFT ซึ่งผู้ซื้อจะได้เห็นลายเส้นของอาจารย์ศักดิ์วุฒิที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นมาในแต่ละขั้นตอนจนกลายเป็นภาพวาดที่สมบูรณ์ เรียกได้ว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ที่เจ้าของภาพ จะได้เห็นการสื่อความหมายของแต่ละลายเส้นของศิลปินผู้วาด
"สำหรับเป้าหมายของ JNFT ในปี 2566 เราตั้งเป้าที่จะขยายความร่วมมือระหว่างธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B) เพื่อนำเอา NFT เข้าสู่ธุรกิจและองค์กรในรูปแบบต่าง ๆ อีกทั้งยังเน้นย้ำในการร่วมสร้างอีโคซิสเต็มทางธุรกิจ เนื่องจากเทคโนโลยี NFT จะต้องนำพาผู้ใช้งานให้เข้าถึงการทำงานที่แท้จริง ดังนั้น เราจะไม่จำกัดตัวเอง พร้อมเปิดรับทุกพันธมิตร และคอมมูนิตี้ที่สนใจ เพื่อให้สังคม NFT และบล็อกเชนเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน" นายวรพจน์ กล่าวเสริม
ที่มา: ชมฉวีวรรณ