รายงานดังกล่าวสำรวจวิวัฒนาการของการศึกษาทั่วโลกจากช่วงก่อนเกิดโรคระบาด ก่อนที่จะแห่ไปเรียนออนไลน์ โดยวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงที่ควรมีขึ้นมานานแล้วในภาคส่วนนี้ เช่นเดียวกับผลกระทบที่โควิด-19 มีต่อผู้ที่อยู่ในชุมชนยากจนซึ่งได้รับผลกระทบมากกว่ากลุ่มอื่น
ตัวเลขโดยประมาณจากรายงานของธนาคารโลก ยูเนสโก และยูนิเซฟ พบว่าเมื่อเกิดโรคระบาดมาแล้วกว่าสองปี มีประเทศไม่ถึงครึ่งที่ดำเนินการตามกลยุทธ์ฟื้นฟูการเรียนรู้ในวงกว้างเพื่อให้เด็ก ๆ ตามให้ทัน แม้เด็ก ๆ เสียเวลาเรียนในชั้นเรียนไปถึง 2 ล้านล้านชั่วโมงทั่วโลกเพราะโรงเรียนถูกปิดมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563
ฟอร์เวิร์ดวิเคราะห์บทบาทของการแพร่ระบาดในการเป็นตัวเร่ง โดยสร้างรูปแบบการสื่อสารและพลิกโฉมวิธีนำเสนอคอนเทนต์ในแวดวงการศึกษา ซึ่งดำเนินการมาหลายทศวรรษแล้ว และยังเผยว่า ชั้นเรียนแบบดั้งเดิมได้เปลี่ยนแปลงไปในระดับที่ย้อนกลับไม่ได้ โดยมีการนำเทคโนโลยีมาใช้แปลภาษา ขณะที่การศึกษาล่าช้าและส่งมอบให้ตามที่นักเรียนสะดวก
แม้การศึกษาเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยคนไม่กี่คน แต่รายงานดังกล่าวเตือนว่า ข้อดีที่เป็นผลจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนั้น อาจเป็นสิ่งที่หลายคนยังเข้าไม่ถึง
ในการศึกษาดังกล่าว รีลยังได้พูดคุยกับบุคคลชั้นแนวหน้าในแวดวงอุตสาหกรรมและวิชาการในภาคการศีกษา เพื่อเจาะลึกหาวิธีแก้วิกฤติการศึกษาที่ผู้เรียนกำลังเผชิญอยู่
อันเดรียส ชไลเชอร์ (Andreas Schleicher) ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาและทักษะ และที่ปรึกษาพิเศษว่าด้วยนโยบายการศึกษาต่อเลขาธิการองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เปิดเผยกับรีล อินเตซา ซานเปาโล ว่า สิ่งนี้ไม่ได้เป็นเรื่องของการสร้างให้กลับมาดีกว่าเดิม "แต่เป็นเรื่องของการก้าวไปข้างหน้าให้แตกต่าง เป็นเรื่องที่ต้องหาว่า การเรียนรู้จะแตกต่างได้อย่างไรบ้างในโลกเทคโนโลยี"
ศาสตราจารย์จิล เจมีสัน (Jill Jameson) ศาสตราจารย์สาขาการศึกษา และผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นผู้นำและองค์กร คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรีนิช กล่าวเสริมว่า "เราต้องพลิกโฉมระบบการศึกษาทั้งหมด"
ฟรังซัวร์ รีล (Francois Reyl) ซีอีโอของรีล อินเตซา ซานเปาโล กล่าวว่า "การแพร่ระบาดครั้งนี้ทำให้เราทุกคนต้องเร่งใช้เทคโนโลยีมากกว่าที่เคย และการศึกษาก็เช่นกัน รายงานดังกล่าวมุ่งสำรวจและประเมินปัญหาท้าทายที่มาพร้อมกับความก้าวหน้าเหล่านี้ เพื่อทำความเข้าใจวิธีบรรเทาผลกระทบของชั่วโมงการเรียนรู้ที่หายไป และเตรียมพร้อมให้เด็ก ๆ พร้อมรับกับอนาคต"
เจอโรม โคชลิน (Jerome Koechlin) หัวหน้าฝ่ายสื่อสารของรีล อินเตซา ซานเปาโล กล่าวเสริมว่า "รีล อินเตซา ซานเปาโล เล็งเห็นความสำคัญในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลกับการศึกษา ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนและความเสมอภาคในการเข้าถึงการศึกษาในยุโรปและทั่วโลก เราหวังว่ารายงานฉบับนี้จะทำให้มีผู้ให้ความสนใจมากขึ้นในการช่วยให้คนรุ่นต่อไปเติบโต"
เกี่ยวกับรีล กรุ๊ป
www.reyl.com
รีล กรุ๊ป (REYL Group) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2516 เป็นกลุ่มธนาคารที่มีความหลากหลายและเป็นผู้ประกอบการ โดยมีสำนักงานในสวิตเซอร์แลนด์ (เจนีวา ซูริก ลูกาโน) ยุโรป (ลอนดอน ลักเซมเบิร์ก มอลตา) และส่วนอื่น ๆ ของโลก (สิงคโปร์ ดูไบ) รีล กรุ๊ป จัดการทรัพย์สินกว่า 2.5 หมื่นล้านฟรังก์สวิสและมีพนักงานกว่า 400 คน และในปี 2563 รีล กรุ๊ป ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับธนาคารชั้นนำของยุโรปอย่างฟิดูรัม - อินเตซา ซานเปาโล (Fideuram - Intesa Sanpaolo)
รีล กรุ๊ป พัฒนาแนวทางใหม่ในด้านการธนาคาร โดยให้บริการลูกค้าซึ่งประกอบด้วยผู้ประกอบการและนักลงทุนภาคสถาบันทั่วโลก ผ่านสายธุรกิจการบริหารความมั่งคั่ง บริการสำนักงานสำหรับผู้ประกอบการและครอบครัว การเงินองค์กร บริการด้านสินทรัพย์ และการจัดการสินทรัพย์
รีล แอนด์ ซี (REYL & Cie Ltd) ได้รับใบอนุญาตเป็นธนาคารในสวิตเซอร์แลนด์ และดำเนินกิจกรรมภายใต้การควบคุมโดยตรงของหน่วยงานกำกับดูแลตลาดการเงินของสวิตเซอร์แลนด์ (FINMA) และธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) บริษัทในเครือของรีล กรุ๊ป ยังอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ LPCC ในสวิตเซอร์แลนด์, FCA ในสหราชอาณาจักร, CSSF ในลักเซมเบิร์ก, MFSA ในมอลตา, MAS ในสิงคโปร์, DFSA ในดูไบ และ SEC ในสหรัฐอเมริกา
เกี่ยวกับฟอร์เวิร์ด
www.reyl.com/forward
ฟอร์เวิร์ด (FORWARD) เป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่รีล อินเตซา ซานเปาโล สร้างขึ้นมา เพื่อส่งเสริมข้อมูลเชิงลึกและการพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นทางเศรษฐกิจและสังคมยุคนี้ แพลตฟอร์มดังกล่าวประกอบด้วยการวิจัยทางวิชาการ วิดีโอ และพอดแคสต์ร่วมกับบุคคลชั้นนำที่มีชื่อเสียงในระดับสากล
โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/1920746/REYL_Intesa_Sanpaolo_Logo.jpg