รองศาสตราจารย์ ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มข. กล่าวว่า "คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ได้มุ่งมั่นดำเนินการตามยุทธศาสตร์ Education Transformationและ Digital Transformation ของมหาวิทยาลัย ภายใต้การนำของท่านอธิการบดี รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล จึงได้ค้นหากัลยาณมิตรที่จะร่วมผลักดันเพื่อให้ยุทธศาสตร์ดังกล่าวสำเร็จได้ และพบว่าสถาบันพัฒนาศักยภาพผู้นำและธุรกิจ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็น ศูนย์ฝึกอบรมให้บริการด้านวิชาการในหลักสูตรที่เป็นองค์ความรู้ที่สำคัญของธุรกิจน้ำมันในทุก ๆ ด้าน ที่เป็นพื้นฐานของธุรกิจที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของธุรกิจน้ำมัน ตั้งแต่การตลาดค้าปลีก การตลาดพาณิชย์ โดยมุ่งเน้นทั้งในส่วนของน้ำมันและธุรกิจเสริมภายในสถานีบริการ ตลอดจนความรู้ทางด้านเทคนิคและเชิงปฏิบัติการอื่น ๆ ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกอบรมที่ช่วยเพิ่มเติมความรู้และประสบการณ์เพื่อการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน"
"ซึ่งปัจจุบันผู้บริโภคมีความต้องการที่แตกต่างหลากหลาย OR คือ ผู้บุกเบิกธุรกิจค้าปลีกภายในสถานีบริการน้ำมันเป็นรายแรกของประเทศไทยที่ทำให้สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น เป็นมากกว่า "สถานีบริการน้ำมัน" เพื่อเติมเต็มทุกความต้องการและส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้บริโภค อาทิ ร้านค้าสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีก อาหารและเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ที่หลากหลาย ศูนย์บริการยานยนต์ ธนาคารสาขา ธุรกิจร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน โดยปัจจุบันธุรกิจค้าปลีกของ OR เติบโตและมีการขยายสาขาทั้งในและนอกสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น รวมถึงขยายสาขาไปยังต่างประเทศอีกด้วย นอกจากนี้ OR ยังเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ เท็กซัส ชิกเก้น ฮั่วเซ่งฮง ติ๋มซำ รวมทั้งยังมีพันธมิตรทางธุรกิจทั้งแบรนด์ระดับโลกและแบรนด์ไทยชั้นนำอีกมากมาย ที่ได้เข้าร่วมให้บริการอาหารและเครื่องดื่มในสถานีบริการน้ำมันพีทีทีสเตชั่น ทั้งนี้ จากการร่วมพูดคุยหารือระหว่างผู้บริหารของคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี และผู้บริหารของสถาบันพัฒนาศักยภาพผู้นำและธุรกิจ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) พบว่ามีแนวคิดที่สอดคล้องกันเป็นอย่างดี จึงได้ข้อสรุปที่น่ายินดียิ่งและนำมาสู่การลงนามความร่วมมือในวันนี้ และนับจากวันนี้เป็นต้นไป ทั้งสององค์กรก็จะมีแผนดำเนินงานร่วมกันในด้านต่าง ๆ อีกมากมาย"
คุณมนชัย บุญอิ่ม กล่าวว่า ในการร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการด้านการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ที่เกิดประโยชน์ในครั้งนี้ โดยวัตถุประสงค์ของบันทึกฉบับนี้ ได้สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่า และความสำคัญของการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ระหว่างสององค์กรที่เป็นรากฐานสำคัญทั้งด้านการศึกษาและการดำเนินธุรกิจ และยิ่งไปกว่านั้น ยังถือเป็นโอกาสการเผยแพร่องค์ความรู้ไปยังบุคคลภายนอก ทำให้ความรู้เป็นหนึ่งในสาธารณประโยชน์ได้สามารถเข้าถึงโดยง่าย หวังว่าตลอดระยะเวาภายในสองปี จะพัฒนาสูตรหรือกิจกรรมทางวิชาการ และสร้างสรรค์สิ่งที่มีคุณค่าบรรลุวัตถุประสงค์ของทั้งสององค์กรต่อไป
ที่มา: มหาวิทยาลัยขอนแก่น