ปัจจุบันธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่ม (Food & Beverage: F&B) เป็นธุรกิจที่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีด้านดิจิทัลเข้ามาเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโรค Covid-19 ที่ผ่านมา หลายองค์กรได้เริ่มนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อให้ยังคงสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง
คุณธีระ วงศ์พัฒนาสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทนา กรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ระบบไอที มีความสำคัญกับธุรกิจ F&B มาโดยตลอด แต่ในช่วงที่ผ่านมา พบว่ามีปัจจัยต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบกับธุรกิจในกลุ่มนี้อยู่พอสมควร เริ่มจากในเรื่องของนวัตกรรมใหม่ที่เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่นในเรื่องของ e-payment ที่มีวิธีการรับชำระเงินในรูปแบบใหม่เข้ามา ทำให้ธุรกิจต้องมีการปรับตัวตามไป ถัดมาเป็นเรื่องของการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ทำให้ต้องมีการเชื่อมโยงเทคโนโลยีเข้ากับแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการ Delivery platform มากขึ้น
สำหรับบริษัท ทนา กรุ๊ป มีธุรกิจที่หลากหลาย โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหารเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลักของบริษัทฯ ที่มีมากกว่า 100 สาขาในประเทศไทย และรวมถึงร้านอาหารที่อยู่ในต่างประเทศ ระบบไอทีจำเป็นอย่างยิ่งที่เข้ามามีบทบาทในการรองรับการทำงาน ทั้งในแง่ของการนำมาวิเคราะห์ลูกค้า จัดทำระบบลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) การบริหารจัดการต้นทุนสินค้า รวมถึงการบริหารข้อมูลการขายที่ในแต่ละเดือนมีมากกว่า 10 ล้านรายการ เป็นต้น
คุณธีระ กล่าวต่อไปว่า ทางบริษัทได้ตัดสินใจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากทางเอชพีอี อันประกอบด้วยโซลูชั่นด้านเซิร์ฟเวอร์ และสตอเรจ เป็นโซลูชั่นที่นำมาใช้เพื่อทดแทนของเดิม โดยเฉพาะยิ่งนำมาใช้เพื่อการจัดการข้อมูลลูกค้าของบริษัทผ่านทางระบบไอทีขององค์กร
"ข้อดีที่เราตัดสินใจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของทางเอชพีอี เป็นเพราะปัจจัยในหลายๆ อย่าง นอกจากจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงแล้ว ทางเอชพีอียังนำเสนอในส่วนของวิธีการบริหารจัดการด้านการเงินโดยแทนที่จะเป็นการลงทุนเพียงครั้งเดียว (CAPEX) แต่ปรับเปลี่ยนเป็นแบบทยอยจ่ายได้ (OPEX) สามารถแบ่งจ่ายต่อเดือนได้ เป็นการมอบความยืดหยุ่นให้กับบริษัท รวมถึงการให้บริการที่มีลักษณะแบบ Proactive มีทีมงานที่พร้อมให้บริการตลอดเวลา" คุณธีระกล่าวทิ้งท้าย
ที่มา: สื่อสามร้อยหกสิบองศา