ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สแกน อินเตอร์ หรือ SCN เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ทุกธุรกิจล้วนมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจก๊าซ ที่ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น จนทำให้มีความต้องการใช้ก๊าซเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับธุรกิจ Solar Rooftop ที่น่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากราคาค่าไฟที่สูงขึ้น จนทำให้คาดว่าจะสามารถนำบริษัท สแกน แอดวานซ์ พาวเวอร์ หรือ SAP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในปลายปี 2566
ขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้าที่เมืองมินบู ถือเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เพราะกำลังการผลิตไฟฟ้าในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศเมียนมาร์ นอกจากนี้บริษัทยังมีธุรกิจใหม่ที่มีความโดดเด่น น่าสนใจ ทั้งธุรกิจกัญชาซึ่งเริ่มมีการขายและรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งถือเป็นอีกธุรกิจที่มีมาร์จิ้นสูง และธุรกิจประมูลงานรับเหมาก่อสร้างและซ่อมบำรุงสถานี NGV ที่คาดว่าจะสามารถปิดดีลงานประมูลได้อีก 1-2 โครงการภายในปีนี้ รวมถึงการเข้าประมูลงานก่อสร้างที่ไม่เกี่ยวกับแก๊ส (non-gas) สำหรับสถานีให้บริการน้ำมันรูปแบบใหม่ ทำให้ภาพรวมของ SCN ในปีนี้ น่าจะมีผลประกอบการที่ฟื้นตัว และเติบโตต่อเนื่องอย่างแน่นอน ภายหลังจากที่ผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกมีการเติบของกำไรสุทธิถึง 669%
สำหรับภาพรวมธุรกิจของ SCN ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมานั้น กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติอัดสำหรับอุตสาหกรรม (iCNG) และก๊าซธรรมชาติเหลว (iLNG) ภายหลังจากที่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา SCN ขายหุ้นบริษัท เครือข่ายก๊าซ ไทย-ญี่ปุ่น จำกัด (TJN) ให้กับกลุ่ม บริษัท Shizuoka Gas Company Limited ประเทศญี่ปุ่น ล่าสุด Toho Gas Co. Ltd. พันธมิตรรายใหม่ ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น ในธุรกิจก๊าซธรรมชาติได้เข้ามาร่วมถือหุ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในฐานะผู้นำธุรกิจ iCNG ในประเทศไทย โดยตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นเท่าตัว จากปัจจุบันที่มียอดขายราว 5,000 MMBtuต่อวัน เป็น 10,000 MMBtu ต่อวัน
ขณะที่ธุรกิจก๊าซ NGV คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้กลุ่มลูกค้าเริ่มหันมาใช้ก๊าซ NGV ทดแทน โดยปีนี้มีคาดว่ายอดขายเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน นอกจากนี้บริษัทได้เข้าประมูลงานก่อสร้างและซ่อมบำรุงสถานี NGV เพิ่มเติม 1-2 แห่งทั้งในกรุงเทพฯและส่วนภูมิภาค โดยคาดว่าจะทราบผลประมูลภายในปีนี้ นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจสัมปทานการซ่อมบำรุงรถเมล์ NGV ของ ขสมก. จำนวน 489 คัน หลังจากที่ครบสัญญา 5 ปีแรกของรถเมล์ 100 คันแรก จะทำให้ได้รับค่าซ่อมบำรุงต่อคันต่อปีเพิ่มขึ้น ประกอบกับการดูแลและซ่อมบำรุงอย่างดีในช่วงปีแรกๆ ทำให้คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 100-200 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) นั้น มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานแสดงอาทิตย์ที่เมืองมินบู ประเทศเมียนมาร์ โดยมีกำลังการผลิตติดตั้งทั้งหมด 220 เมกะวัตต์ โดยที่เฟสที่ 2 จำนวน 50 เมกะวัตต์ จะสร้างเสร็จและเริ่มจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ได้ ภายในไตรมาส 1 ของปี 2566 หลังจากที่เฟสแรก 50 เมกะวัตต์ ได้จ่ายไฟและรับรู้รายได้แล้วตั้งแต่ปี 2562 ขณะที่ปีหน้าคาดว่าจะเริ่มลงทุนในอีก 2 เฟสที่เหลือในส่วนของธุรกิจ Solar rooftop ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์ จำกัด (SAP) ปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวม 25 เมกะวัตต์ โดยตั้งเป้าหมายกำลังการผลิตที่ 110 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทจะระดมทุนและหาพันธมิตรในการเจรจาควบรวมเพื่อซื้อกิจการ เพื่อขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต และตั้งเป้านำบริษัทเข้าจะทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป
ด้านธุรกิจใหม่ การปลูกกัญชงแบบ Indoor บนพื้นที่ 3,159 ตารางเมตร โดยเริ่มปลูกในช่วงไตรมาสที่ 2 และคาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2565 โดยมีกำลังการผลิต 200 กิโลกรัมต่อเดือน ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจในเฟสแรกประมาณ 270 ล้านบาทต่อปี
ที่มา: ธามดี พลัส