นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า บริษัทได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแลกิจการ ประจำปี 2565 (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2022 : CGR) ระดับ 5 ดาว หรือ "ดีเลิศ" (Excellent CG Scoring) ประจำปี 2565 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ด้วยการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โดย NER เป็น 1 ใน 750 บริษัทจดทะเบียนที่เข้าร่วมการประเมิน สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทมีพัฒนาการด้านกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างต่อเนื่อง และยังคงมุ่งมั่นดำเนินกิจการ เพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาลต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม (ESG) และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสีย นักลงทุน และนักลงทุนสถาบัน ด้วยผลการดำเนินงานที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างยั่งยืน
สำหรับ CG Rating 5 ดาวที่บริษัทได้รับ เป็นการปรับระดับจาก 3 ดาวจากปี 2563 เป็น 5 ดาวในปี 2564 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ภายใต้วิสัยทัศน์ "เป็นผู้ผลิตยางพารา คุณภาพดีระดับโลก ซื่อสัตย์ ยุติธรรมต่อคู่ค้า ใช้พลังงานสะอาด เป็นมิตรต่อชุมชน และสิ่งแวดล้อม พัฒนาธุรกิจไปสู่อุตสาหกรรมปลายน้ำ " และความมุ่งมั่นตั้งใจของคณะกรรมการบริษัทและคณะผู้บริหารในการพัฒนาธรรมภิบาลและยกระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Good Corporate Governance) มาอย่างต่อเนื่อง คำนึงถึงบทบาทของผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มีความมั่นใจในการดำเนินงานและเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใส มีจริยธรรม และตรวจสอบได้ของบริษัท
สำหรับบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ DAOL ออกบทวิเคราะห์ว่า เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2022E/23E อยู่ที่ 1,941 ล้านบาท (+5% YoY) และ 2,211 ล้านบาท (+14% YoY) จากสมมติฐาน 1)ปริมาณขายยางพาราอยู่ที่ 460,000 ตัน และ 500,000 ตัน 2) คงราคาขายยางเฉลี่ยอยู่ที่ 55 บาท/กก. และ 3) คงประมาณการ gross margin 2022E/23E อยู่ที่ 12.6% ด้านราคาหุ้น underperform SET -7%/-9% ใน 3 และ 6 เดือน จากราคายางที่ปรับตัวลง จากความกังวลอุปสงค์การใช้ยางที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม valuation ปัจจุบันน่าสนใจโดยเทรดที่ 2022E PER 5.2 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 6.3 เท่า) และมี dividend yield ถึง 7.6% โดยเราคาดกำไรจะกลับมาโต +14% ปี 2023E จากกาลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น , ราคายางที่ฟื้นตัว และธุรกิจแผ่นปูนอนวัว
เราคงคำแนะนำ "ซื้อ " และคงราคาเป้าหมายที่ 9.00 บาท อิง 2022E PER 8.0x (+0.75SD above 5-yr average PER) เราคาดกำไร 3Q22E ฟื้นตัวดีทั้ง QoQ/YoY เราคาดว่าบริษัทจะรายงานกำไรสุทธิ 3Q22E อยู่ที่ 534 ล้านบาท (+21%YoY, +53%QoQ) เติบโต YoY จากราคาขายเฉลี่ยที่ยังสูงกว่าปีก่อนที่ ขณะที่ QoQ กำไรสุทธิเติบโตจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจาก Seasonal โดยเฉพาะการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ออกบทวิเคราะห์ว่า ฝ่ายวิจัยเรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานปี 23 ที่ 8.9 บาท (8XPER'23E) ด้วยปัจจัยบวกจากผลประกอบการช่วง 2H22 ที่กลับมาฟื้นตัวหลังการส่งออกยางเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ รวมถึงมีลูกค้าใหม่จากอินเดียเพิ่มเข้ามา นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นยังมีโอกาสได้รับเงินปันผลสำหรับช่วง 2H22 อีกกว่า 0.30 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราตอบแทนเงินปันผลถึง 5%
ที่มา: ธามดี พลัส