นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ยินดีต้อนรับ บมจ. เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มบริการ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "KLINIQ" ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2565
KLINIQ ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านผิวหนังความงาม ศัลยกรรมตกแต่งและการดูแลป้องกันฟื้นฟูสุขภาพแบบองค์รวมที่ทันสมัยตามหลักการแพทย์ ได้แก่ การให้บริการด้านการรักษาโรคผิวหนัง ผิวพรรณความงาม ลดน้ำหนัก ดูแลรูปร่าง ศัลยกรรม Wellness และฟื้นฟูสุขภาพ โดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านความงามและศัลยกรรมตกแต่ง ซึ่งผ่านการรับรองจากสถาบันที่มีชื่อเสียงทั้งจากประเทศไทย ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศอังกฤษ และมีประสบการณ์ให้บริการตรวจรักษาโรคด้านผิวหนังและศัลยกรรมด้วยวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ทันสมัย ภายใต้แบรนด์ "เดอะคลีนิกค์" ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 บริษัทมีสาขาอยู่ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำรวม 39 สาขา ครอบคลุม 15 จังหวัด ทั่ว 5 ภูมิภาคของประเทศไทย ได้แก่ คลินิกเวชกรรม 35 สาขา ศูนย์ศัลยกรรม 1 สาขาที่สยามสแควร์ และร้านทำเล็บ 3 สาขา
KLINIQ มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 110 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 160 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 60 ล้านหุ้น แบ่งเป็นเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร พนักงานไม่เกิน 6 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณไม่เกิน 9 ล้านหุ้น และนักลงทุนสถาบันและบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่า 45 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 28, 31 ตุลาคม และ 1 พฤศจิกายน 2565 ในราคาหุ้นละ 24.50 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,470 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 5,390 ล้านบาท ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ประมาณ 31.78 เท่า คำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565) ซึ่งเท่ากับ 169.60 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.77 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ
นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม (KLINIQ) เปิดเผยว่า บริษัทให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความพึงพอใจของลูกค้าเป็นลำดับแรก พร้อมการให้บริการด้วยนวัตกรรมและเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย ดังนั้นนวัตกรรมและเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทางบริษัทใช้จะต้องผ่านการยอมรับและตรวจสอบจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (US FDA) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) ประเทศไทย รวมถึงการทดสอบโดยคณะแพทย์ผู้ชำนาญของบริษัท โดยบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการพัฒนาบริการ และทำการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ "เดอะคลีนิกค์" สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้ลงทุนในการขยายกิจการ ลงทุนในการจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์เพิ่มเติม ขยายกิจการศูนย์ศัลยกรรม และพัฒนาระบบ IT และระบบข้อมูลลูกค้า รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของบริษัท
KLINIQ มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 รายแรกหลัง IPO คือ กลุ่มทองวัฒน์ ถือหุ้น 52.35% บมจ. เอกชัยการแพทย์ ถือหุ้น 7.27% และนายรัฐพล กิตติชัยตระกูล ถือหุ้น 7.16% โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทในแต่ละปี ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ สามารถดูรายละเอียด จากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.theklinique.com และ www.set.or.th
ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย