'เอคอมเมิร์ซ กรุ๊ป' คว้ารางวัลต่อเนื่อง ตอกย้ำผู้นำให้บริการสนับสนุนธุรกิจอีคอมเมิร์ซครบวงจรและโซลูชั่นซอฟต์แวร์

จันทร์ ๐๗ พฤศจิกายน ๒๐๒๒ ๑๕:๕๑
"เอคอมเมิร์ซ กรุ๊ป" คว้ารางวัลอย่างต่อเนื่องจาก Shopee และ Lazada ตอกย้ำผู้นำการให้บริการสนับสนุนธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียนและผู้ให้บริการโซลูชั่นซอฟต์แวร์แก่แบรนด์ชั้นนำของโลก รวมถึงได้รับการยอมรับให้เป็น 1 ใน 10 บริษัทยักษ์ใหญ่เกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่จะสร้างผลกระทบอย่างยั่งยืนต่อสภาพแวดล้อมทางธุรกิจทั่วโลกในอีก 10 ปีข้างหน้า
'เอคอมเมิร์ซ กรุ๊ป' คว้ารางวัลต่อเนื่อง ตอกย้ำผู้นำให้บริการสนับสนุนธุรกิจอีคอมเมิร์ซครบวงจรและโซลูชั่นซอฟต์แวร์

นายวีระพงษ์ (พอล) ศรีวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เอคอมเมิร์ซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการสนับสนุนธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce Enabler) ครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จได้รับรางวัลอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้รับการรับรองระดับพรีเมียมภายใต้โปรแกรม Shopee Certified Enabler Program ในไตรมาส 3/2565 ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สี่ แสดงถึงการเป็นที่ยอมรับด้านความเป็นเลิศในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การเติบโตของแบรนด์ ความสำเร็จของลูกค้า การดำเนินงานในคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพ การปฏิบัติตามคำสั่งซื้อ การดำเนินงานให้แก่ร้านค้าออนไลน์ ฯลฯ หลังจากในเดือนกันยายน 2565

บริษัทฯ เพิ่งได้รับรางวัล Best Performing Enabler ภายในงาน Shopee Brand Conference 2022 จาก Shopee ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการสนับสนุนธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบครบวงจร ที่มีการเติบโตของแบรนด์ลูกค้าอย่างโดดเด่นบนแพลตฟอร์ม Shopee และสามารถรักษามาตรฐานไว้ในระดับสูง

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังได้รับการยอมรับเป็นผู้ให้บริการระดับ 3 ดาว ภายใต้โปรแกรมที่ผ่านการรับรองจาก Lazada ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดที่แพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสมอบให้แก่ผู้ให้บริการสนับสนุนธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และนับเป็นการได้รับรางวัลดังกล่าวเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกันจาก Lazada แสดงถึงการเป็นที่ยอมรับในการทำงานที่มีประสิทธิภาพ อาทิ การจัดส่งตรงต่อเวลา, การตอบโต้แชทอย่างรวดเร็ว, การได้รับคะแนนด้านข้อมูลเนื้อหาในระดับสูงและด้านการขายในระดับยอดเยี่ยม ฯลฯ

นอกจากนี้ ในรายงานล่าสุดของ KPMG บริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีรายใหญ่ของโลก และ HSBC ธนาคารชั้นนำ ได้ให้การยอมรับ บมจ.เอคอมเมิร์ซ กรุ๊ป เป็น 1 ใน 10 บริษัทยักษ์ใหญ่เกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยรายงานดังกล่าวได้ศึกษาบริษัทสตาร์ตอัพที่เน้นด้านเทคโนโลยีทั้งหมด 6,471 ราย ใน 12 ตลาดหลัก ได้แก่ ประเทศจีน อินเดีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ไต้หวัน และไทย ซึ่งมีมูลค่ารวมกันถึง 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ พร้อมระบุว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นใหม่ จะสร้างผลกระทบอย่างยั่งยืนต่อสภาพแวดล้อมทางธุรกิจทั่วโลกในอีก 10 ปีข้างหน้า จากการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจและการมีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตของประชาชน รวมถึงมีปัจจัย 2 ประการที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ การขยายตัวของเศรษฐกิจในเอเชียเนื่องจากรายได้เฉลี่ยของประชากรที่เพิ่มขึ้น และความสามารถในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เพิ่มขึ้นด้วยการสนับสนุนจากเทคโนโลยีดิจิทัล

"เรามีความภูมิใจที่ได้รับรางวัลและการยอมรับจากพันธมิตร ซึ่งมาจากความร่วมมือของทีมงานทุกคน โดยบริษัทฯ จะมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจสู่ความเป็นเลิศอย่างต่อเนื่องในทุกด้าน เพื่อสร้างประโยชน์แก่ลูกค้า คู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ" นายวีระพงษ์ (พอล) กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และผู้ร่วมก่อตั้ง บมจ.เอคอมเมิร์ซ กรุ๊ป กล่าวว่า ความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของบริษัทในปีนี้คือการลงนามความร่วมมือกับ Shopify แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติจากแคนาดา โดย Shopify เป็นแพลตฟอร์มที่ให้แบรนด์ได้เป็นเจ้าของร้านค้าออนไลน์ได้ด้วยตนเองและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างเต็มที่ โดยมองว่าการที่แบรนด์มีร้านค้าออนไลน์ของตนเองผ่านเว็บไซต์ถือเป็นสิ่งสำคัญต่อการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และยังช่วยให้แบรนด์สามารถจัดการวิธีการขายและทำการตลาดสินค้าได้อย่างคล่องตัว ส่วนแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสซึ่งเป็นตลาดกลางสำหรับขายสินค้าออนไลน์ถือเป็นช่องทางขายที่สำคัญ เนื่องจากมีผู้บริโภคเข้าชมเป็นจำนวนมากและช่วยให้แบรนด์ขยายฐานลูกค้าได้กว้างขึ้น ดังนั้นทั้ง 2 ส่วนจึงไม่สามารถแยกจากกันได้

ขณะที่ผู้ชมในแต่ละแพลตฟอร์มมีความแตกต่างกัน แบรนด์สินค้าจึงต้องค้นหาวิธีการทำตลาดที่ดีที่สุดในแต่ละแพลตฟอร์ม นอกจากนี้การไม่มีช่องทางขายสินค้าตรงถึงผู้บริโภค หรือ D2C (Direct to Consumer) เป็นของตนเอง ทางแบรนด์มีโอกาสที่จะสร้างความเสียหายคิดเป็นมูลค่าที่สูงกว่าค่าใช้จ่ายในการสร้างเว็บไซต์เพื่อจำหน่ายสินค้าโดยตรงแก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องรักษาความแข็งแกร่งทางธุรกิจเอาไว้

"สิ่งสำคัญของช่องทางขายแบบ D2C คือช่วยให้ผู้บริโภคมีประสบการณ์ซื้อสินค้าที่ดีขึ้น และเปิดโอกาสในการนำเสนอรูปแบบการขายสินค้าใหม่ๆ เช่น การสมัครสมาชิก, การซื้อเป็นกลุ่ม, การขายสินค้าผ่านหลากหลายช่องทาง
เป็นต้น" นายวีระพงษ์ (พอล) กล่าว

ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗ ม.ค. วว. ร่วมกับพันธมิตรเปิดศูนย์การเรียนรู้วิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตไม้ดอกไม้ประดับ ต.เหมืองแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
๑๗ ม.ค. กระแสดีเกินคาด! WOW Festival 2025 ปรากฏการณ์ใหม่ ปลุกพลังคน เติมเต็มพลังเมือง พร้อมขนเซอร์ไพรส์รอทุกคนถึง 19 ม.ค.
๑๗ ม.ค. นั่งชิลๆ จิบน้ำชายามบ่ายพร้อมขนมเลิศรส ณ ที แอนด์ ทิปเปิ้ล ชั้น 23
๑๗ ม.ค. CPW จัดโปรเด็ด!! ช้อปสินค้าไอทีลดหย่อนภาษีสูงสุด 30,000 บาท
๑๗ ม.ค. LDC เดินหน้าปี 2568 บุกตลาดภาคใต้ เตรียมเปิด 3 สาขาใหม่ ย้ำมาตรฐานศูนย์ทันตกรรม โมเดลโรงพยาบาลขนาดเล็ก
๑๗ ม.ค. เชอร์วู้ดฯ ร่วมกับ มูลนิธิคุณแม่ลี้กิมเกียวฯ แจกนมฮอกไกโด ถั่วมารูโจ้ ส่งความสุข ฉลองวันเด็กแห่งชาติ 2568
๑๗ ม.ค. ขายบัตรแล้ว! นิตยสารแพรว พร้อมเสิร์ฟความน่ารักของ เก่ง น้ำปิง ในงาน Praew Meet Read Into The Wild with Keng
๑๗ ม.ค. ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ สุขสมหวัง ร่ำรวย เฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนกับอาหารจีนเลิศรส ณ ห้องอาหารจีนแทพเพสทรี ใน 3 โรงแรมชั้นนำเครือเคป แอนด์
๑๗ ม.ค. เตรียมจองซื้อ หุ้นกู้ดิจิทัลบางจาก อายุ 4 ปี ดอกเบี้ย 3.15% บนแอปฯ เป๋าตัง ครั้งแรกกับการให้สิทธิ์ผู้ถือหุ้นกู้ดิจิทัลบางจากจองซื้อก่อน ดีเดย์ 7-13 ก.พ. 68
๑๗ ม.ค. วิลล่า เทวา รีสอร์ท โฮเทล กรุงเทพฯ ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม: ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 5 จาก 1,257 โรงแรมในกรุงเทพฯ บนเว็บไซต์