คุณโรแวน ชง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกที่ เบสท์ (BEST Inc.) เข้ามาทำธุรกิจขนส่งพัสดุในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในช่วง 4 ปีการเข้ามาขยายธุรกิจในประเทศไทย มีอัตราการเติบโตได้รวดเร็ว มั่นคง จึงได้รับมอบหมายจากทางบริษัทแม่ (BEST Inc.) ให้เข้ามาดูแลธุรกิจในประเทศไทย เพราะเล็งเห็นว่าอนาคตประเทศไทยจะเป็นจุดศูนย์กลางกระจายพัสดุ (HUB) ที่สำคัญ สามารถขยายเครือข่ายการขนส่งพัสดุไปยังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ช่วงที่ผ่านมาทุกภาคธุรกิจจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติการณ์ระบาดของไวรัส โควิด-19 แต่ก็เป็นการทำงานที่ท้าทายและยากลำบากในการพัฒนาธุรกิจช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว บริษัทฯ จึงต้องสรรหาบริการหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มาพัฒนาธุรกิจและตอบสนองผู้บริโภคให้มากที่สุด
เบสท์ ประเทศไทย เตรียมปรับโครงสร้างองค์กรและแผนการดำเนินธุรกิจ มุ่งเน้นการบูรณาการ 4 กลุ่มธุรกิจเข้าด้วยกัน ประกอบด้วย 1. BEST Express (เบสท์ เอ็กซ์เพรส) ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุด่วนในประเทศ 2. BEST Supply Chain (เบสท์ ซัพพลายเชน) ธุรกิจบริหารจัดการคลังสินค้า 3. BEST SaaS (เบสท์ สาร์ซ) ผู้ให้บริการโซลูชันดิจิทัลแบบครบวงจร ที่เข้ามาช่วยจัดการปัญหาต่าง ๆ ให้กับพ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ ให้ขายสินค้าง่ายขึ้นผ่านระบบ ezOrder (อีซี่ออเดอร์) และ ezShop (อีซี่ช้อป) 4. BEST Cross Border (เบสท์ คลอส บอเดอร์) บริการส่งพัสดุต่างประเทศ และในอนาคตเราจะขยายการบริการ BEST Fast Cargo (เบสท์ ฟาสต์ คาร์โก้) บริการส่งสินค้าขนาดใหญ่ระหว่างประเทศอีกด้วย
"ระยะเวลาช่วง 4 ปีที่เข้ามาขยายธุรกิจในประเทศไทย ถือเป็นการเริ่มต้นสร้างองค์กร และพัฒนาระบบการบริการต่าง ๆ แต่บริษัทฯ ก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี ดังนั้นการปรับโครงสร้างองค์กร ก็เป็นส่วนหนึ่งที่พัฒนาธุรกิจ ซึ่งจะมีทั้งในด้านบริการ ด้านผลิตภัณฑ์ รวมถึงการปรับปรุงมาตรฐานการบริหารจัดการธุรกิจด้วย และหลังจากสถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลาย มั่นใจว่าธุรกิจ BEST ในประเทศไทยจะเติบโตแบบก้าวกระโดด มีการขยายตัวของธุรกิจเพิ่มขึ้น 100% หรืออีก 1 เท่าตัวอย่างแน่นอน" คุณโรแวน กล่าว
ในเทศกาล"ช็อปปิ้งเดย์" วันที่ 11.11 และ 12.12 ปีนี้ เบสท์ ประเทศไทย ได้จัดเตรียมศูนย์กระจายพัสดุ (HUB) เพิ่มเติม เพื่อให้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ พร้อมเพิ่มรถขนส่งพัสดุและบุคลากรอีก 3 เท่าตัว รวมถึงการเตรียมความพร้อมของแฟรนไชส์ทั่วประเทศ จำนวนกว่า 1,200 สาขา เพื่อรองรับจำนวนพัสดุมหาศาลที่หลั่งไหลเข้ามา ดังนั้นผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่า BEST จะสามารถบริหารจัดการคุณภาพการจัดส่งพัสดุให้ถึงมือลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และรวดเร็ว
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 คุณโรแวน กล่าวเสริมว่า อันดับแรกต้องพิจารณาก่อนว่ามีบริการจุดไหนที่ขาดตกไปเพื่อปรับปรุงพัฒนาเพิ่มเติม รวมถึงการเชื่อมโยงธุรกิจบริการเก่ากับบริการใหม่ ๆ ที่จะเปิดเพิ่มขึ้นในอนาคตให้มีผสานเข้าด้วยกันได้ เพื่อให้มีบริการที่ครอบคลุมที่ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการได้ตามความต้องการได้หลากหลาย เราต้องทำอย่างไรให้แตกต่างจากคู่แข่งมากที่สุด ซึ่งการบูรณาการเชื่อมโยงธุรกิจทั้งหมดเข้าด้วยกันถือเป็นจุดเด่นของเรา และการจะขึ้นเป็นผู้นำนั้น อันดับแรกต้องรู้ว่าเราแตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร และมีจุดเด่นจุดด้อยอะไรบ้าง และอะไรบ้างที่ขาดตกไป เพื่อจะได้ปรับปรุงพัฒนาคุณภาพการบริการให้ดีขึ้น
"ปัจจุบันเรามีทีม อาร์แอนด์ดี (R&D) ซึ่งเป็นทีมวิจัยและพัฒนาระบบการจัดการหลังบ้านที่คอยให้การสนับสนุนด้านข้อมูลเพื่อให้การพัฒนาบริการได้ตรงกับผู้ใช้บริการ จึงไม่ยากที่เราจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอนาคตอันใกล้ได้" คุณโรแวน กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา: ซูม พีอาร์