ดีมานด์ทองคำในไทยพุ่ง 40% เมื่อเทียบเป็นรายปี รับผลบวกจากการท่องเที่ยวฟื้นตัว

จันทร์ ๐๗ พฤศจิกายน ๒๐๒๒ ๑๖:๕๓
รายงาน Gold Demand Trends ฉบับล่าสุดจากสภาทองคำโลก (World Gold Council) เผยความต้องการทองคำทั่วโลก (ไม่รวมการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์) ในไตรมาส 3 ของปี 2565 แตะ 1,181 ตัน เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบเป็นรายปี และด้วยความต้องการที่สูงขึ้นจึงทำให้ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีกลับไปเกือบเท่าช่วงก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ยิ่งไปกว่านั้น ความต้องการทองคำยังได้รับแรงหนุนจากผู้บริโภคและธนาคารกลาง แม้ว่าจะมีการหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัดในส่วนของการซื้อเพื่อการลงทุน
ดีมานด์ทองคำในไทยพุ่ง 40% เมื่อเทียบเป็นรายปี รับผลบวกจากการท่องเที่ยวฟื้นตัว

ความต้องการทองคำของผู้บริโภคในไทยในไตรมาส 3/2565 เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบเป็นรายปี กล่าวคือ จาก 8.6 ตัน ในไตรมาส 3/2564 ไปเป็น 12.1 ตัน ในไตรมาส 3/2565 ด้วยแรงหนุนจากความต้องการอัญมณีที่สูงขึ้น 35% เมื่อเทียบเป็นรายปี จาก 1.9 ตัน ในไตรมาส 3/2564 เป็น 2.5 ตัน ในไตรมาส 3/2565 และความต้องการลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำพุ่งขึ้น 42% เมื่อเทียบเป็นรายปี จาก 6.7 ตัน ในไตรมาส 3/2564 เป็น 9.6 ตัน ในไตรมาส 3/2565

Mr. Andrew Naylor ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาค APAC (ไม่รวมประเทศจีน) ของสภาทองคำโลก กล่าวว่า "ความต้องการของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนับเป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกันที่เราได้เห็นความต้องการอัญมณีในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งมีสาเหตุมาจากการฟื้นตัวของภาคส่วนการท่องเที่ยวและราคาทองคำที่ลดลง อันเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้ค้าปลีกทองคำเร่งเติมคลังโดยคาดว่าความต้องการจะยังคงแข็งแกร่งต่อไปในไตรมาสที่สี่ เนื่องจากเป็นช่วงที่ผู้คนนิยมแต่งงานและมีการเฉลิมฉลองส่งท้ายปี"

การลงทุนทั่วโลกดิ่งลง 47% เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากนักลงทุน ETF ไม่สู้อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งตัว โดยมีการไหลออกที่ 277 ตัน ซึ่งเหล่านี้ ผนวกรวมกับความต้องการการซื้อขายหลักทรัพย์นอกตลาดหลักทรัพย์ที่ลดลง และทัศนคติเชิงลบในตลาดซื้อขายล่วงหน้านับเป็นอุปสรรคต่อประสิทธิภาพของราคาทองคำส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลง 8% ในไตรมาส 3/2565

อย่างไรก็ตาม แม้จะเกิดปัญหาข้างต้น แต่ทองคำก็ยังคงได้รับความนิยมจากนักลงทุนรายย่อยที่ตอบสนองต่อสัญญาณของตลาดต่าง ๆ และหันไปลงทุนในทองคำ เนื่องจากยังสามารถตรึงราคาไว้ได้ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงและความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยนักลงทุนจะเลี่ยงผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อด้วยการลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำ ทำให้ความต้องการในส่วนค้าปลีกโดยรวมเพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังได้แรงหนุนจากการซื้ออย่างมีนัยสำคัญในประเทศตุรกี (มากกว่า 5 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา) และในประเทศเยอรมนี (เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ที่ 42 ตัน) พร้อมอานิสงค์ที่เด่นชัดจากตลาดหลักทั่วโลก

การซื้ออัญมณียังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและได้กลับไปสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่ 523 ตัน โดยนับว่าเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2564 การเติบโตส่วนใหญ่นี้มีสาเหตุมาจากผู้บริโภคในตัวเมืองของประเทศอินเดีย ซึ่งส่งผลต่อความต้องการให้เพิ่มขึ้น 17% เป็น 146 ตัน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา นอกจากประเทศอินเดียแล้วยังมีการเติบโตที่น่าประทับใจในหลายพื้นทั่วตะวันออกกลาง โดยประเทศซาอุดิอาระเบียเลือกซื้อเครื่องประดับเพิ่มขึ้น 20% นับตั้งแต่ไตรมาส 3/2564 และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพิ่มขึ้น 30% ในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ความต้องการของเครื่องประดับในจีนยังเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นที่มากขึ้น และราคาทองคำในประเทศที่ลดลงในเดือนกรกฎาคม รวมถึงการผลิตตามความต้องการที่เคยถูกชะลอไว้บางส่วน

ควบคู่ไปกับความต้องการในทองคำของผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง การซื้อของธนาคารกลาง ดีดตัวขึ้นอย่างมาก โดยมียอดซื้อสูงเป็นประวัติการณ์เกือบ 400 ตัน ในไตรมาส 3 สะท้อนให้เห็นถึงข้อเท็จจริงจากข้อมูลสำรวจเชิงลึกที่เราได้จากธนาคารกลางเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ว่า 25% ของผู้ตอบแบบสอบถามประสงค์ที่จะสำรองทองคำเพิ่มในอีก 12 เดือนข้างหน้า

เมื่อมองไปในส่วนของอุปทานการทำเหมืองทอง (การลดความเสี่ยงสุทธิ) เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2564 โดยการทำเหมืองทองคำได้เติบโตติดต่อกันถึงไตรมาสที่หก ในทางกลับกัน การรีไซเคิลลดลง 6% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเนื่องจากผู้บริโภคไม่ตัดสินใจขายทองคำในภาวะที่เงินเฟ้อสูงขึ้นและมีแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน

Ms. Louise Street นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโส ของสภาทองคำโลก ให้ความเห็นว่า
"แม้สภาวะเศรษฐกิจระดับมหภาคจะไม่ทรงตัว แต่ความต้องการในปีนี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงสถานะของทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าทองคำยังทำกำไรได้ดีกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ ส่วนใหญ่ในปี 2565

"ในอนาคต เราคาดว่าการซื้อของธนาคารกลางและการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยจะยังคงมีความแข็งแกร่งต่อไป ทำให้สามารถชดเชยการลงทุนใน OTC (Over-The-Counter) และ ETF (Exchange Traded Fund) ที่อาจลดลงในกรณีที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้ นอกจากนี้เรายังคาดว่าความต้องการในเครื่องประดับจะยังคงแข็งแกร่งในบางภูมิภาค อาทิ อินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะที่ภาคเทคโนโลยีจะมีแนวโน้มลดลงอีกเมื่อเผชิญกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ"

ที่มา: Edelman

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘ เม.ย. ARDA จับมือ ฟาร์ม เอ็กซ์โป และพันธมิตร เปิดศึก AGRITHON by ARDA Season 2 เฟ้นหาสุดยอดไอเดียปลุกพลังนวัตกรรมเกษตรไทย ชิงทุนวิจัยรวมกว่า 100
๑๘ เม.ย. กรุงศรี ฉลอง 80 ปี ดูหนัง 80 บาท ที่ Major Cineplex เมื่อชำระด้วยบัตรกรุงศรี เดบิตและบัตร Krungsri Boarding
๑๘ เม.ย. แบรนด์ซุปไก่สกัด รณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในโครงการ สมองล้าอย่าขับ พักดื่มแบรนด์ จับมือ ตำรวจทางหลวง และ ตำรวจจราจร
๑๘ เม.ย. ซัมซุงจัดใหญ่! เป็นเจ้าของ ตู้เย็น Side by Side รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมรับสิทธิพิเศษแบบจุใจ ได้แล้ววันนี้
๑๘ เม.ย. ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดกนง.มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนเมษายนนี้
๑๘ เม.ย. EXIM BANK ร่วมกับกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs รับมือนโยบายภาษีแบบตอบโต้ของสหรัฐฯ
๑๘ เม.ย. ปักหมุด! เตรียมจัดงาน PET Expo Thailand 2025 จัดยิ่งใหญ่ครบรอบ 25 ปี
๑๘ เม.ย. ลดคลายร้อน ช้อปแลคตาซอย 1,000 ลด 100 พร้อมชวนร่วมสนุกถ่ายภาพคู่แลคตาซอย ลุ้น 10 รางวัล
๑๘ เม.ย. DITP ประชุมผู้จัดแสดงสินค้า เตรียมความพร้อมสู่เวที THAIFEX - ANUGA ASIA 2025
๑๘ เม.ย. โรงแรมเครือดุสิตธานี เปิดตัวโปรพิเศษต้อนรับซัมเมอร์ 'A Night on Us' เติมเต็มวันพักผ่อนอย่างมีความสุขกับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตธานีทั่วโลก