AWC ประกาศผลประกอบการ ไตรมาส 3/2565 โชว์กำไรสุทธิ 1,026 ล้านบาท รับการเติบโตแข็งแกร่งของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

พฤหัส ๑๐ พฤศจิกายน ๒๐๒๒ ๐๘:๔๘
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2565 มีกำไรสุทธิตามงบการเงิน 1,026 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.4 และกำไรสุทธิจากผลประกอบการโดยไม่รวมมูลค่ายุติธรรม 36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงรายได้รวมตามงบการเงิน 3,727 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 46.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำไรจากการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจโดยไม่รวมมูลค่ายุติธรรมเพิ่มขึ้นเป็น 994 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่ 47 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่าร้อยละ 2,029 โดยเป็นผลมาจากพอร์ตทรัพย์สินคุณภาพและกลยุทธ์การเตรียมพร้อมขององค์กรสอดรับกับมาตรการการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ และการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ รวมถึงทรัพย์สินคุณภาพที่มีการเพิ่มมูลค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างผลกำไรเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและรวดเร็ว
AWC ประกาศผลประกอบการ ไตรมาส 3/2565 โชว์กำไรสุทธิ 1,026 ล้านบาท รับการเติบโตแข็งแกร่งของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

"ผลการดำเนินงานใน 9 เดือนแรกของปี AWC มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 2,448 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งเป็นผลมาจากกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการที่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ในขณะที่กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ประกอบไปด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าและธุรกิจอาคารสำนักงาน (Retail & Commercial) สามารถเติบโตได้ดีต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถของ AWC ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีศักยภาพ และการดำเนินกลยุทธ์การปรับโครงสร้างการบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ไตรมาส 3/2565 บริษัทสามารถเพิ่มอัตรากำไรจากการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจต่อรายได้โดยไม่รวมมูลค่ายุติธรรมเป็นร้อยละ 39 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 34 และสามารถกลับมาในอัตราเท่ากับก่อนสถานการณ์ COVID-19 ถึงแม้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวกลับมาเพียงครึ่งเดียวเฉลี่ยต่อวันเมื่อเทียบกับปี 2562" นางวัลลภา กล่าว

กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ

บริษัทกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงแรมในกลุ่มประชุมสัมมนา (MICE) โรงแรมในกรุงเทพและรีสอร์ทระดับลักซ์ชูรี ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีศักยภาพ (High-to-Luxury) ที่เข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยเป็นกลุ่มแรกผ่านเครือข่ายพันธมิตรโรงแรมระดับโลก ในไตรมาส 3/2565 ภาพรวมอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ของโรงแรมในเครือ AWC เพิ่มขึ้นร้อยละ 53 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีเพียงร้อยละ 14.2 และราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Rate หรือ ADR) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4,920 บาทต่อคืน ซึ่งสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่อยู่ที่ 4,052 บาทต่อคืน โดยเป็นผลมาจากจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวน 49,675* เที่ยวบินในไตรมาส 3/2565 สูงขึ้นร้อยละ 41 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีศักยภาพจากนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เข้ามาในประเทศไทยจะเป็นสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 60

สำหรับการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและบริการในไตรมาส 3/2565 มีรายได้ 1,789 ล้านบาท เติบโตมากกว่าร้อยละ 100 และมีกำไรจากการดำเนินงาน (อิบิทดา) 493 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 100 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดย Revenue Generation Index ที่เปรียบเทียบกับโรงแรมในกลุ่มเดียวกันที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ โรงแรม แบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ มีค่า RGI สูงกว่าค่าเฉลี่ยเท่ากับ 241.7 สำหรับโรงแรมในกลุ่มประชุมสัมมนา (MICE) ส่วนกลุ่มรีสอร์ทระดับ ลักซ์ซูรี ที่ได้รับความนิยมสูง อาทิ โรงแรม บันยันทรี กระบี่ มีค่า RGI สูงที่สุดในกลุ่มเท่ากับ 261.4 เช่นกัน ซึ่งผลการดำเนินงานที่เติบโตนี้ เป็นผลมาจากการที่บริษัทเดินหน้าพัฒนาและปรับปรุงโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างแข็งแกร่ง โดยจำนวนห้องพักของธุรกิจโรงแรมในไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 5,199 ห้อง เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มีจำนวนห้องพัก 3,432 ห้อง

กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail & Commercial)

กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงานยังคงเป็นธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดให้แก่บริษัทอย่างต่อเนื่องมีอัตราการเติบโตของรายได้ไม่รวมมูลค่ายุติธรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกลุ่มผู้เช่าที่เป็นลูกค้าองค์กรธุรกิจต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้เช่าคุณภาพอยู่มากกว่าร้อยละ 60 ด้วยสินทรัพย์อาคารสำนักงานคุณภาพเกรด A ที่ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพย่านธุรกิจ และพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยของผู้เช่าในยุคดิจิทัล

กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า สามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาจากประชาชนเข้ามาจับจ่ายและใช้บริการศูนย์การค้าเพิ่มขึ้น รวมถึงการบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้รายได้ของกลุ่มธุรกิจเพิ่มขึ้นจะส่งผ่านเป็นอิบิทดา (Flow Through) มีสัดส่วนมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะศูนย์การค้าเพื่อการท่องเที่ยวอย่างเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ที่มี Flow Through ในไตรมาส 3/2565 เท่ากับร้อยละ 106 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

"AWC ยังคงมุ่งมั่นยกระดับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของไทย พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการคุณภาพอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 3 ที่ผ่านมา AWC ได้ลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกมากมาย อาทิ การลงนามสัญญาร่วมทุน และจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท เอดับบลิวซี ฮอสปิทอลลิตี้ เดเวลอปเมนท์ จำกัด (AWC Hospitality Development Co., Ltd.) เพื่อเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจโรงแรมที่มีศักยภาพในแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทย เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในประเทศ โดยบริษัทมีแผนเพิ่มทุนรวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 10,800 ล้านบาท รวมถึงการร่วมมือกับ Nobu Hospitality แบรนด์ไลฟ์สไตล์สุดหรูระดับโลก แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล และธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และ ดิจิทัล เวนเจอร์ส และความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และพันธมิตร ซึ่งเป็นความร่วมมือสำคัญที่จะขับเคลื่อนการท่องเที่ยวยั่งยืน ยกระดับประเทศไทยก้าวสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก" นางวัลลภา กล่าวเสริม

ล่าสุด AWC จะเข้าลงทุนและพัฒนา 2 โครงการในกรุงเทพฯ และภูเก็ต รวมมูลค่า 8,856 ล้านบาท เพิ่มพอร์ตสินทรัพย์คุณภาพของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ ได้แก่ การเข้าลงทุนและพัฒนาใน โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว แบงค็อก วินด์เซอร์ และโครงการ เดอะ เวสทิน สิเหร่ เบย์ รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต ช่วยเสริมศักยภาพให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย

AWC ยึดมั่นในพันธกิจ "สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า" ด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบการดำเนินงานการพัฒนาอย่างยั่งยืน 3 เสาหลัก 6 มิติ หรือ 3BETTERs ได้แก่ Better Planet, Better People, Better Prosperity พร้อมได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของดัชนีชี้วัดด้านความยั่งยืน (Sustainability Index) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ การได้รับการคัดเลือกเข้าสู่รายชื่อหุ้นยั่งยืน Thailand Sustainability Investment (THSI) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การได้รับการประเมินจาก MSCI ESG Rating ในระดับ "AA" และได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในดัชนีความยั่งยืนของ S&P (จากรายงาน The Sustainability Yearbook 2022) ของกลุ่มอุตสาหกรรมโรงแรม รีสอร์ท และเรือสำราญ รวมถึงการได้รับการจัดอันดับรายงานการกำกับดูแลกิจการ ในระดับ "ดีเลิศ" (Excellent CG Scoring) และได้รับการรับรองให้เป็นแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC)

ที่มา: แอสเสท เวิรด์ คอร์ป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO