นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดประจำไตรมาส 3/2565 ทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง กำไรสุทธิอยู่ที่ 455.5 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 30% มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,100 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 15.9% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 69.5% และอัตรากำไรสุทธิ 41.4% เนื่องจากภาพรวมธุรกิจติดตามหนี้และธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ สามารถบริหารจัดการ และการจัดเก็บที่โดดเด่น โดยมียอดจัดเก็บหนี้ (Cash Collection) ทำได้ดีอยู่ที่ 1,416 ล้านบาท เติบโต 14% สนับสนุนงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 JMT มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,255.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% และมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,267.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.9%
สำหรับงบลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ณ สิ้นกันยายน ใช้ไปแล้วรวม 1,666 ล้านบาท โดยในไตรมาส 4/2565 นี้คาดว่จะซื้อหนี้เพิ่มได้อีก สะท้อนสัญญาณการเข้าสู่ไฮซีซั่นของธุรกิจ สถาบันการเงินต่างๆ ทยอยขายหนี้ด้อยคุณภาพออกมาในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะโค้งสุดท้ายของปี สนับสนุนปัจจุบัน JMT มีพอร์ตบริหารหนี้ด้อยคุณภาพอยู่ที่ 249,763 ล้านบาท แย้มไตรมาส 4/2565 ดีลใหม่ๆ ยังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนผลงานในปี 2565 เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 45% จากปีก่อน
และอีกความสำเร็จที่เข้ามาเพิ่มฐานกำไร JMT ให้แข็งแกร่งขึ้น โดยบริษัท บริหารสินทรัพย์ เจเค จำกัด (JK AMC) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับบริษัทลูกของ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เริ่มเดินหน้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารแล้วในไตรมาส 3/2565 จำนวน 30,000 ล้านบาท เป็นไปตามแผนที่ KBANK วางไว้ จะโอนขายหนี้ NPL ให้แก่ JK AMC ล็อตแรกจำนวน 50,000 ล้านบาทภายในปีนี้ โดยในไตรมาส 3/2565 ที่ผ่านมาสามารถทำกำไรได้ตามเป้าหมายที่ 70 ล้านบาท จึงมั่นใจ ภาพการเติบโตของ JK AMC จะชัดเจนยิ่งขึ้นในปี 2566
ที่มา: ไออาร์ พลัส