นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ผู้นำในธุรกิจรับเหมาวางระบบสารสนเทศและการสื่อสารแบบครบวงจร เปิดเผยถึงผลประกอบการในไตรมาส 3/2565 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้ 1,886 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,509 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 143 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 117 ล้านบาท ช่วยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม-กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้ 4,997 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 431 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 375 ล้านบาท
ทั้งนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศไทยได้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีการผ่อนคลายนโยบายทางเศรษฐกิจ การเดินทางท่องเที่ยว ส่งผลให้การค้าและการบริการปรับตัวดีขึ้น พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้ทยอยส่งมอบงานโครงการขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น โครงการซื้อขายและติดตั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ระยะที่ 2 ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, โครงการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลกลางเชื่อมต่อบริการประกันสังคมให้แก่ผู้ประกันตนอย่างเจาะจงของสำนักงานประกันสังคม และโครงการงานจ้างพัฒนาระบบติดตามขบวนรถไฟและจัดการงานขนส่งสินค้าของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นต้น
ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AIT กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ เดินหน้าบริหารงานอย่างแข็งแกร่งด้วยศักยภาพของผู้บริหารและทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจของ AIT ให้เติบโตแข็งแกร่ง โดยยึดแนวทางดำเนินธุรกิจด้วยการคำนึงถึงผลประโยชน์ต่อทุกคนที่มีส่วนร่วมเป็นหลัก ด้วยพันธกิจ "Lifelong Trusted Partner" ที่แบ่งออกได้เป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ 1.) Customer: ต่อลูกค้า เป็นที่หนึ่งในใจลูกค้า ด้วยทีมงานมืออาชีพ มองประโยชน์ และผลสำเร็จของลูกค้าเป็นสำคัญ 2.) Employee:
ต่อพนักงาน พัฒนาบุคลากรให้เป็นมืออาชีพ และสร้างความมั่นคงในชีวิตการทำงาน และชีวิตครอบครัว
3.) Shareholders: ต่อผู้ถือหุ้น สร้างความเชื่อมั่น และให้ผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้น 4.) Partners: ต่อคู่ค้า สร้างความไว้วางใจต่อพันธมิตรทางธุรกิจที่พร้อมจะเติบโต และประสบความสำเร็จไปด้วยกัน 5.) Society and Community: ต่อสังคม ตอบแทนสังคมด้วยการสร้างดิจิทัลเพื่อสังคม
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2565 เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 ได้มีมติอนุมัติลงทุนในธุรกิจซื้อขายคาร์บอนเครดิต รวมถึงการปลูกป่าสักเชิงเศรษฐกิจ จำนวนกว่า 176 ล้านบาท สะท้อนถึงการให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม แม้ว่าการดำเนินธุรกิจหลักของบริษัทจะไม่กระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อมมากนัก แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นของบริษัทฯ ที่ต้องการมีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม อีกทั้งการลงทุนดังกล่าวยังเป็นสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทได้ในอนาคต เช่น การจำหน่ายคาร์บอนเครดิต การตัดจำหน่ายไม้สัก เป็นต้น
อย่างไรก็ตามแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี 2565 คาดว่าสามารถสร้างผลตอบแทนได้เป็นที่น่าพอใจ โดย ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 AIT มีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 6,900 ล้านบาท และมีงานที่อยู่ระหว่างรอคำสั่งซื้อจากลูกค้า (Waiting for P/O) อีกประมาณ 250 ล้านบาท พร้อมอยู่ระหว่างการเสนอราคา (Bidding in process) อีกประมาณ 1,115 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นทำตลาดด้าน Cloud Platform, Big Data Analytics, SDN, Cyber Security, และ IOT เพิ่มเติมจากธุรกิจขายระบบโครงสร้างพื้นฐาน ICT ต่างๆ เพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยการคัดสรรสินค้า และบริการที่ดี ที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด จึงทำให้เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเสมอมา พร้อมเดินหน้าก้าวเข้าสู่ปีที่ 31 ได้อย่างมั่นใจในการดำเนินธุรกิจ
ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย