หลังจากจบการศึกษาด้านออกแบบนิเทศศิลป์ กำพลเริ่มทำงานด้านโฆษณากับบริษัทชื่อดังรวมทั้งโอกิลวี่ และได้รับตำแหน่ง Executive Creative Director ของโอกิลวี่เมื่อปี 2563 กำพลเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลในการผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ ดาต้า และเทคโนโลยีเพื่อสร้างงานสื่อสารอย่างมีศิลปะ เขาคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการชนะรางวัล Cannes Lions และรางวัลระดับโลกอื่นๆของโอกิลวี่ ประเทศไทย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่โอกิลวี่เป็นเอเจนซี่ไทยแห่งเดียวที่ติดหนึ่งในสามอันดับแรกของเอเจนซี่ในเอเชียที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในรอบทศวรรษ จากรายงานของ Cannes Lions Creativity Report of the Decade กำพลเองก็ได้กลายเป็นครีเอทีฟมือทองที่ลูกค้าต้องการตัว และคนในวงการให้ความนับถือมากที่สุดคนหนึ่ง การันตีด้วยการรั้งอันดับ 6 ครีเอทีฟที่ฮอตที่สุดและได้รางวัลมากที่สุดในเอเชีย จากการจัดอันดับของ Campaign Brief สื่อการตลาดชื่อดังของเอเชียแปซิฟิก และล่าสุดงาน ดัชชี่ เอาใจไส้ ที่กำพลเป็นคนนำทีม ยังไปคว้ารางวัล GOLD ถึง 2 รางวัล จากเวที London International Awards 2022 ซึ่งในปีนี้โอกิลวี่ ประเทศไทย ได้รับรางวัลมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ของไทยและเอเชียอีกด้วย
กำพลกล่าวว่า "เหตุผลหลักที่ทำให้ชื่อของโอกิลวี่ไม่เคยหายไปจากเวทีโลก ก็เพราะวัฒนธรรมองค์กรของเราที่เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคหรือความท้าทายที่คาดเดาไม่ได้แค่ไหน เราก็สามารถเอาชนะมันได้ วัฒนธรรมนี้ทำให้ทีมครีเอทีฟที่มีความสามารถหลากหลายของเราสามารถสร้างผลงานที่อยู่เหนือเทรนด์ และโฟกัสบนอิมแพคที่จะเกิดกับผู้คน สังคม สิ่งแวดล้อม และธุรกิจของลูกค้าจริงๆ"
"และเมื่อมองไปในอนาคต ผมตั้งใจว่าจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาแผนกครีเอทีฟของเราให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้กว้างและหลากหลายมากขึ้น สิ่งแรกที่จะเน้นคือ Variety เนื่องจากเรามี capabilities ที่ครบรอบด้านไม่ว่าจะเป็น Advertising, PR & Influence, Experience, Health, และ Consulting ทำให้เราสามารถแก้ปัญหาทางการตลาดและธุรกิจของลูกค้าได้อย่างสร้างสรรค์และแปลกใหม่ ไม่จำกัดรูปแบบ เราสามารถปรับงานให้เข้ากับฟอร์แมตและแพลตฟอร์มต่างๆได้เสมอ ตามแต่โจทย์และงบประมาณของลูกค้า ตั้งแต่โพสต์บนโซเชียลมีเดีย branded content ไปจนถึงการออกแบบประสบการณ์ขั้นสูง และอีคอมเมิร์ซ เรื่องที่สองที่สำคัญไม่แพ้กันคือ Speed & Scale เราจะใช้เทคโนโลยีอาทิเช่น Creative Cloud เข้ามาช่วยเพื่อให้การสร้างสรรค์งานของครีเอทีฟรวดเร็วขึ้น seamless มากยิ่งขึ้น และสามารถต่อยอดชิ้นงานออกไปได้หลากหลายรูปแบบภายในเวลาที่จำกัด สอดรับกับโจทย์ของลูกค้าที่เปลี่ยนไป เรื่องที่สามคือในส่วนของ Talent เราจะเปิดรับคนที่มีความสามารถทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า ที่มีภูมิหลัง ทักษะ และความสนใจที่แตกต่างกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เราก็พร้อมต้อนรับตราบใดที่คุณมีแพสชั่นในการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ และในส่วนสุดท้ายคือ Effective Impact เรามองว่างานที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจเพียงอย่างเดียวนั้นไม่พอสำหรับยุคนี้ เราจะร่วมมือกันกับลูกค้าเพื่อผลักดันงานที่สร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกให้กับคน สังคม และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะเราเชื่อว่างานที่มีอิมแพค ถึงจะช่วยสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับแบรนด์ของลูกค้าได้อย่างแท้จริง เราจะทำทุกอย่างให้แน่ใจว่าลูกค้าของเราจะเดินไปสู่อนาคตอย่างมั่นใจ โดยมีเราเดินเคียงข้างไปด้วยกัน"
นพดล ศรีเกียรติขจร ประธานบริษัทโอกิลวี่ ประเทศไทย กล่าวว่า "ความรักและความเข้าใจที่คุณกำพลมีต่อการทำงานให้กับลูกค้า ทำให้งานที่ทำออกมาเป็นงานที่ดีที่สุด ละเอียดที่สุด ปราณีตที่สุด และตอบโจทย์ทุกโจทย์ การันตีด้วยรางวัลจากหลายเวทีระดับโลก ความทุ่มเทของคุณกำพลทำให้โอกิลวี่เป็นเอเจนซี่ที่ได้รับรางวัลมากที่สุดในประเทศไทย และไม่เคยตกจากอันดับ top 5 ของเอเชียมาตลอดหลายปี ถึงเวลาแล้วที่คุณกำพลจะได้มีบทบาทอย่างเต็มที่ในการนำประสบการณ์ และความสามารถ มาขับเคลื่อนบริษัทของเราไปข้างหน้า และเป็นแรงสำคัญที่จะส่งต่อดีเอ็นเอของโอกิลวี่ให้กับครีเอทีฟรุ่นใหม่ต่อไป"
ที่มา: โอกิลวี่ ประเทศไทย