เราสามารถพูดได้ว่ากระแสของโลกได้เปลี่ยนไปแล้ว หลายคนที่เฝ้าสังเกตสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม รวมถึงประเด็นอื่น ๆ จะเห็นว่าแนวโน้มต่าง ๆ มีความไม่ชัดเจน จนกระทั่งปี 2022 ที่ทั้งธุรกิจขนาดใหญ่ และขนาดเล็กต่างก็ได้เผชิญกับความท้าทายมากมายที่เกิดขึ้นใหม่
แน่นอนว่าการแก้ปัญหาต้องอาศัยความร่วมมือในระดับนานาชาติ ด้วยนโยบายที่แสดงให้เห็นว่าเราเชื่อมโยงถึงกันทั่วโลกอย่างไร ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (AMEA) นั้นมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และมีพลวัตของการใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงเหล่านั้นเพื่อคว้าข้อได้เปรียบ รวมถึงฟื้นฟูสถานะ และสร้างโอกาสสำหรับผู้ประกอบการ
สำหรับผู้ประกอบการ การเริ่มต้นธุรกิจดูจะเป็นเรื่องน่ากลัว ซึ่งอาจจะน่ากลัวมากขึ้นเสียด้วยซ้ำเมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ในทุกวันนี้ แต่เรารับรู้ถึงข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งว่า ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นี้เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า แนวคิดแบบผู้ประกอบการคือการมองหาทางแก้ไข ไม่ใช่การมองว่าเป็นปัญหา และควรตระหนักไว้ว่าความท้าทายเป็นรากฐานของนวัตกรรม อีกสิ่งหนึ่งที่เราทราบกันดีคือ ผู้ที่เปี่ยมด้วยความสามารถ จะเป็นผู้กำหนดอนาคตของวันพรุ่งนี้ โดย 2 ใน 3 ของประชากร Gen Z ได้เริ่มต้น หรือ วางแผนเพื่อที่จะเริ่มธุรกิจของพวกเขา และนั่นคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของยุคสมัยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ความเป็นผู้ประกอบการคืออนาคต
โดยทั่วไปแล้วในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟฟริกา (AMEA) นั้นมีกลุ่มประชากรที่มีความสามารถมากมายและหลากหลายให้ดึงออกมาใช้ โดยพบว่ามีประชากรรุ่นใหม่ของโลกถึง 60% อาศัยอยู่ในภูมิภาคนี้ และยังเป็นภูมิภาคที่ประสบความสำเร็จด้านการสร้างระบบนิเวศเพื่อกลุ่มสตาร์ทอัพมากที่สุดในโลก ประเทศอินเดียได้กลายเป็น ประเทศที่มีระบบนิเวศเพื่อกลุ่มสตาร์ทอัพที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก รองจากสหรัฐอเมริกาและจีน สถานการณ์ในแอฟริกาก็พบว่ามีสตาร์ทอัพขึ้นสู่ระดับบยูนิคอร์นด้วยความรวดเร็ว ในขญะที่ภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้มีการคาดการณ์ว่าจะได้เห็นการเข้าซื้อกิจการมูลค่าราว 1.1 ล้านล้านดอลลาห์สหรัฐ ภายในปี 2025 การฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจที่ช่วยให้ชุมชนท้องถิ่นเติบโต จะต้องอาศัยช่องทางทางธุรกิจที่เข้มแข็งและวัฒนธรรมองค์กรที่พยายามเข้าถึงการค้าระดับโลก
ตลาดการค้าระดับโลกยังคงเป็นส่วนสำคัญสำหรับพิสูจน์ว่าธุรกิจของเรายังไม่ล้าสมัย และเชื่อมโยงไปสู่ปี 2023 หรือยาวไกลกว่านั้น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ได้ทำการค้นหาวิธีการร่วมมือกันแก้ปัญหาแบบใหม่ ๆ อย่างเร่งด่วน เพื่อลดนโยบายการค้าที่ไม่มั่นคง และ การลบล้างความเสียหายจากการควบคุมการค้าเพื่อเร่งผลิตภาพ (productivity) และ ปรับปรุงมาตรฐาน ความเป็นอยู่ของมนุษย์ เป็นการประกาศเตือนว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพทางเศรษฐกิจจำเป็นต้องแก้ปัญหามากกว่า ภาวะเงินเฟ้อ และจัดการกับปัญหาระยะยาว เช่น การปรับตัวกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และ การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด การลงทุนของด้านทุนมนุษย์ และกระบวนการการเปลี่ยนแปลงธุรกิจไปสู่การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
ผู้ประกอบการแห่งอนาคตนั้นต้องการสิ่งเดียวกันกับสิ่งที่ประชากร Gen Z ได้พูดถึง โดยเฟดเอ็กซ์ได้จัด International Trade Challenge ประจำปีในภูมิภาค Asia Pacific เป็นครั้งที่ 16 ซึ่งเป็นการประกวดแข่งขันเพื่อค้นหา และ สนับสนุน 'ว่าที่' ผู้ประกอบการที่อายุน้อยที่สุดในภูมิภาค การประกวดที่จัดขึ้นในปีนี้ทำให้เราได้เห็นว่าคนรุ่นใหม่มี ความต้องการที่จะสร้างรูปแบบธุรกิจของตัวเองและกำหนดอนาคตไปในทางที่ดีขึ้น หลายคนได้เข้าถึงประเด็นผลกระทบด้านสังคม หรือเป็นผู้ประกอบการที่ทำงานด้วยจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน และต้องการที่จะดำเนินธุรกิจที่มีส่วนช่วยพัฒนาสังคม
ผู้นำทางธุรกิจในรุ่นต่อไปคือผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง คนเหล่านี้มีพลังที่จะสร้างอนาคตอันยั่งยืนและสร้างเศรษฐกิจที่มีความเข้มแข็ง พร้อมด้วยความเท่าเทียมกันซึ่งเป็นประโยชน์ต่อชุมชนทุกหนแห่ง นี่คือคลื่นลูกใหม่ที่จะพาเราไปสู่ความก้าวล้ำ และสิ่งหนึ่งที่สำคัญต่อเหล่าผู้ประกอบการรุ่นเยาว์ในการโต้ไปบนคลื่น คือ เราจำเป็นต้องเป็นพลังผลักดันพวกเขา ในทุกย่างก้าว
ที่มา: เวเบอร์ แชนด์วิค