ดร.อริยาพร อำนรรฆสรเดช ผู้อำนวยการกองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า มะม่วงเป็นพืชที่มีจำนวนเกษตรกรผู้ปลูกมากที่สุด โดยปัจจุบันมีครัวเรือนเกษตรกรที่ปลูกมะม่วงรวมทั้งประเทศกว่า 200,830 ครัวเรือน โดยมีพื้นที่ปลูก 913,788.60 ไร่ มีเนื้อที่เก็บเกี่ยว 433,474.66 ไร่ มีผลผลิตรวมประมาณ 1 ล้านตัน หรือเฉลี่ย 2,082 กก.ต่อไร่ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา การผลิตมะม่วงมีอัตราการขยายตัวของแต่ละพื้นที่และมีผลผลิตที่เพิ่มขึ้น จนเกิดปัญหาผลผลิตราคาตกต่ำและล้นตลาด กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจึงได้กำหนดนโยบายและแผนปฏิบัติการในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้วยการยกระดับสินค้าเกษตรสู่อุตสาหกรรม ตั้งแต่ต้นน้ำคือเกษตรกรผู้เพาะปลูก จนถึงปลายน้ำคือผู้แปรรูปและส่งออก เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคอุตสาหกรรม และลดความเสี่ยงด้วยการจัดการ รวมไปถึงการช่วยพัฒนาและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ที่สำคัญคือการช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับเกษตรกร และเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรของไทยในระดับสากล
"ขณะนี้เข้าสู่ขั้นตอนที่ 1 ที่คณะทำงานร่วมระหว่างกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมกับ มข.ได้ดำเนินงานจัดฝึกอบรมที่ มข.ครั้งนี้มีเกษตรกรเป้าหมาย 60 คน และทั้งประเทศ คือจะมีกลุ่มผู้ปลูกมะม่วงประมาณ 400 คน ที่จะเข้าสู่กระบวนการเรียนรู้ในการแปรรูปมะม่วงตามสภาพพื้นที่ที่แตกต่างกัน ซึ่งภาคอีสานจะเด่นเรื่องมะม่วงน้ำดอกไม้และมะม่วงแก้วขมิ้น จึงกลายมาเป็นที่มาของการฝึกอบรมในการทำมะม่วงผงและมะม่วงเพียวเร่ ซึ่งเป็นการแปรรูปผลไม้ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยการเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์วัตถุดิบแปรรูปเบื้องต้นให้มีอายุเก็บรักษาที่นานขึ้น สามารถนำไปใช้เป็นส่วนผสมในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ธุรกิจบริการอาหารเครื่องดื่ม และเมื่อการอบรมทั้งประเทศในกลุ่มเป้าหมาย 400 คนครบแล้ว ก็จะคัดเลือกให้เหลือ 15 คนเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนที่ 2 ในการยกระดับผลิตภัณฑ์แปรรูปเป็นเมนูอาหารและเครื่องดื่ม ตามแผนการเชื่อมโยงมะม่วงในการเข้าสู่ธุรกิจอาหารที่สมบูรณ์แบบและเกิดความยั่งยืนให้กับเกษตรกรในแต่ละพื้นที่" ดร.อริยาพร กล่าว
ดร.อริยาพร กล่าวต่ออีกว่า การจัดกระบวนการการเรียนการสอนครั้งนี้ สูตรการทำต่าง ๆ ที่คณะอาจารย์ได้ถ่ายทอดและพากันลงมือทำเพื่อปฏิบัติจริง ทุกสูตรนั้นจะส่งมอบให้กับเกษตรกรทุกคน เรียกได้ว่าไม่หวงสูตรและไม่สงวนลิขสิทธิ์ เพราะมะม่วงเป็นผลไม้ที่มีอายุสั้น ดังนั้นการแปรรูปและแปรสภาพ ที่ถูกต้อง ตรงตามหลักวิชาการ มีคุณภาพและมาตรฐาน โดยที่เกษตรกรสามารถที่จะดำเนินการได้ ควบคู่กับการส่งออกมะม่วงสด ทั้งหมดจะก่อให้เกิดความยั่งยืนกับเกษตรกรไทย และที่สำคัญ คือ การต่อยอดผลิตภัณฑ์มะม่วงไทยโดยเฉพาะมะม่วงน้ำดอกไม้ ซึ่งมีรสชาติดี อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และแหล่งของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ ทั้งสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินชนิดต่าง ๆ มีสรรพคุณทางยา และเป็นที่ต้องการของตลาดผลไม้ทั่วโลก ดังนั้นเมื่อการอบรมดังกล่าวเสร็จสิ้นหากจะมีการเติมสูตรเด็ดเฉพาะภูมิภาคหรือสูตรเด็ดประจำถิ่นเข้าไป ก็จะสร้างมูลค่าของมะม่วงแปรรูปตามความต้องการของตลาดได้อย่างดีอีกด้วย
ที่มา: มหาวิทยาลัยขอนแก่น