นายสรรเพชญ ศลิษฏ์อรรถกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยงคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ YONG เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในงวดไตรมาส 3/2565 มีรายได้รวม 254.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.72 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 31% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 23.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.52 ล้านบาท หรือ 203% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการส่งมอบผลิตภัณฑ์และงานโครงการในปริมาณค่อนข้างสูงทั้งงานภาครัฐและเอกชน
ขณะที่ผลประกอบการในงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 บริษัทฯมีรายได้รวม 732.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75.18 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 68.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.62 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 40% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
โดยสัดส่วนรายได้จากการขายและให้บริการของบริษัทฯ งวด 9 เดือนแรกของปี 2565 แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ลูกค้าโครงการภาคเอกชนอยู่ที่ประมาณ 30% กลุ่มลูกค้าโครงการภาครัฐประมาณ 5% และกลุ่มลูกค้าทั่วไปประมาณ 65 % ทั้งนี้เป็นการกระจายความเสี่ยงในการพึ่งพิงลูกค้า รวมทั้งสร้างโอกาสในการเติบโตเพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศช่วงหลังโควิด-19 ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินออกมากระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐบาลและการลงทุนของภาคเอกชน รวมถึงการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ช่วยสนับสนุนบรรยากาศงานก่อสร้างในประเทศให้คึกคักขึ้น
สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของปี เชื่อว่าจะมีการเติบโตที่ดี ปัจจุบันสถานการณ์ฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หันกลับมาโฟกัสการขยายโครงการมากขึ้น ซึ่งส่งผลบวกต่อ YONG และจะส่งผลให้ดีมานด์สินค้า เสาเข็ม รั้วสำเร็จรูป มีวอลุ่มมากขึ้นโดยบริษัทมีกลุ่มลูกค้าอสังหาฯแนวราบที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจมานาน และลูกค้าหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการปี 2565 ของบริษัทรายได้เติบโตตามเป้าหมาย 10-15% จากปี 2564 ที่ผ่านมา และมีโอกาสได้รับงานโครงการใหม่เข้ามาเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือปีนี้ด้วย โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นบริหารงาน พร้อมพัฒนาการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ควบคู่กับการจัดการต้นทุนทั้งด้านวัสดุและแรงงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพดำเนินงานก่อสร้างให้ได้เกินกว่าแผนงาน และส่งมอบงานได้ตามกรอบระยะเวลา
สำหรับความคืบหน้าการใช้เงินระดมทุนในการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อขยายโรงงานเพิ่มกำลังการผลิต คาดว่าประมาณเดือนธันวาคมนี้ โรงงานที่อำเภอบางใหญ่ จะเริ่มเดินเครื่องได้ ส่วนที่อำเภอบางเลน คาดจะเดินเครื่องได้ประมาณต้นปี 2566 สำหรับกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นจากโรงงานใหม่ คาดจะสนับสนุนการผลิต และดันรายได้ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
"กำลังการผลิตที่เราผลิตตอนนี้ 70-80% ค่อนข้างเต็ม ทำให้ต้องเปิดโรงงานผลิตเพิ่มเติม เพื่อให้ทันกับออเดอร์ที่มีเข้ามา หากโรงงานผลิตคอนกรีตมีกำลังผลิตใกล้เต็มแล้ว ก็ต้องขยายกำลังผลิตเพิ่มอีก เพื่อรองรับดีมานด์ในตลาด" นายสรรเพชญ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีแผนการลงทุนในอนาคตที่จะลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปแห่งใหม่ที่จ.ระยอง โดยใช้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินและเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ซึ่งจะทำให้มีการขยายธุรกิจทั้งในการขยายกำลังการผลิตของโรงงานผลิตเดิม และการเปิดโรงงานการผลิตใหม่ สนับสนุนรายได้ในอนาคตเติบโตได้แข็งแกร่ง
ที่มา: ไออาร์ พลัส