CGTN: มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนยิ่งขึ้น จีนและไทยกำหนดทิศทางใหม่ของความสัมพันธ์ทวิภาคี

อังคาร ๒๒ พฤศจิกายน ๒๐๒๒ ๑๐:๑๐
"จีนและไทยมีความใกล้ชิดเหมือนครอบครัวเดียวกัน" สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กล่าวขณะพบปะกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ในกรุงเทพฯ

ในโอกาสครบรอบ 10 ปีของการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือทางยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างจีน-ไทย (China-Thailand Comprehensive Strategic Cooperative Partnership) ปธน.สีกล่าวว่า มิตรภาพดั้งเดิมระหว่างสองประเทศยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์รอบด้านลึกซึ้งยิ่งขึ้น และความสัมพันธ์ทวิภาคีได้เข้าสู่ขั้นใหม่ของการพัฒนา

จีนยืนอยู่ที่จุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์ใหม่ โดยมีความยินดีที่จะเพิ่มความหมายใหม่ให้กับมิตรภาพ เปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ทวิภาคี และนำผลประโยชน์มาสู่ประชาชนมากขึ้น

เขายังกล่าวอีกว่า ชุมชนจีน-ไทยที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนซึ่งมีอนาคตร่วมกัน จะกำหนดทิศทางความสัมพันธ์ในอนาคต ขณะที่ทั้งสองประเทศเตรียมฉลองครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทยในปี 2568

มีเสถียรภาพมากขึ้น

การเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและการสนับสนุนซึ่งกันและกันทางการเมือง ช่วยสร้างชุมชนจีน-ไทยที่มั่นคงยิ่งขึ้นพร้อมอนาคตร่วมกัน

ในประเด็นสำคัญของหลักการเกี่ยวกับอำนาจอธิปไตยของชาติ การรวมเป็นหนึ่ง และบูรณภาพทางดินแดน ทั้งสองประเทศได้ยืนยันคำมั่นสัญญาที่จะเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ความเข้าใจ และการสนับสนุนซึ่งกันและกันต่อไป ตามแถลงการณ์ร่วมที่เผยแพร่เมื่อวันเสาร์

ฝ่ายจีนเคารพเอกราช อธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย ฝ่ายไทยยึดมั่นในนโยบายจีนเดียวอย่างมั่นคง และยอมรับว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนที่แยกจากกันไม่ได้ และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นรัฐบาลเดียวตามกฎหมายที่เป็นตัวแทนของจีนทั้งประเทศ และสนับสนุนหลักการ "หนึ่งประเทศ สองระบบ" ของจีน

จีนและไทยแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันมากมายหลายด้าน เพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคและระดับโลก โดยจะสำรวจความร่วมมือภายใต้กรอบของโครงการความมั่นคงโลก (Global Security Initiative) และคงไว้ซึ่งการสื่อสารและการประสานงานอย่างใกล้ชิด เพื่อจัดการกับผลกระทบของความท้าทายด้านความมั่นคงแบบดั้งเดิมและที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม เช่น การก่อการร้าย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความปลอดภัยทางไซเบอร์

รุ่งเรืองยิ่งขึ้น

เมื่อหารือกับพลเอกประยุทธ์ ปธน.สีกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องแสวงหาความร่วมมือที่มากขึ้นในกลยุทธ์การพัฒนา และร่วมกันพัฒนาความร่วมมือโครงการเส้นทางสายไหมที่มีคุณภาพสูงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ใหม่ ๆ

ทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องเสริมสร้างความร่วมมือในสาขาดั้งเดิม เช่น การลงทุน การค้า การท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐาน และนิคมอุตสาหกรรม โดยในขณะเดียวกันก็สร้างพื้นที่การเติบโตใหม่ ๆ และผลักดันความก้าวหน้าในสาขาความร่วมมือใหม่ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล รถยนต์พลังงานใหม่ และนวัตกรรมเทคโนโลยี

"เราจำเป็นต้องเร่งความร่วมมือไตรภาคีเส้นทางรถไฟระหว่างจีน-ไทย-ลาว พัฒนาความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจในอนาคตระหว่างจีน-ไทย-ลาว เสริมสร้างการเชื่อมโยงทางกายภาพของโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นประเด็นหลัก" ปธน.สี กล่าว พร้อมเสริมว่าทั้งสองประเทศควรยกระดับการเชื่อมโยงทางกฎระเบียบด้านโลจิสติกส์และพิธีการศุลกากร และขยายการส่งออกสินค้าเกษตรและสินค้าแปรรูปคุณภาพสูงของไทยไปยังประเทศจีน

จีนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับไทยและภาคีอื่น ๆ ในความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership หรือ RCEP) โดยการดำเนินการที่มีคุณภาพสูง เพื่อให้การจัดการเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกก่อให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น

ยั่งยืนยิ่งขึ้น

การเสริมสร้างมุมมองระหว่างประชาชนและวัฒนธรรมของชุมชนจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกันคือสิ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีมีความยั่งยืนยิ่งขึ้น

ปธน.สี กล่าวว่า "เราจำเป็นต้องเสริมสร้างความร่วมมือในด้านการศึกษา การดูแลสุขภาพ การบรรเทาความยากจน และด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของผู้คน แบ่งปันประสบการณ์ในการบรรเทาความยากจนและการพัฒนาด้วยวิธีการต่าง ๆ กระชับและยืนยันความร่วมมือในการบรรเทาความยากจนระหว่างสองประเทศ สวัสดิภาพของประชาชนและชุมชนของพวกเขา"

เขากล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งสองประเทศควรกระชับการแลกเปลี่ยนเยาวชน ทำให้หัวใจของประชาชนทั้งสองฝ่ายใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น และเพิ่มความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของการขยายความร่วมมือในสาขาที่สนับสนุนการพัฒนาในอนาคต เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล พลังงานสะอาด และความปลอดภัยของห่วงโซ่อุปทาน โดยเห็นพ้องที่จะขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เศรษฐกิจสีเขียวและปัญญาประดิษฐ์ เพื่อบรรลุการพัฒนาที่มีคุณภาพยิ่ง

ฝ่ายไทยรอคอยที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวจากจีนเมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางในประเทศจีน และแสดงความขอบคุณฝ่ายจีนที่อนุญาตให้นักเรียนไทยทยอยเดินทางกลับไปยังประเทศจีนเพื่อศึกษาต่อได้

ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันในการฟื้นฟูการท่องเที่ยวคุณภาพสูง และยกระดับความร่วมมือในด้านการศึกษา วัฒนธรรม สื่อและสารสนเทศ และระหว่างเมืองพี่เมืองน้องตามหลักการของความเสมอภาค ผลประโยชน์ร่วมกัน และความยั่งยืน แถลงการณ์ระบุ

https://news.cgtn.com/news/2022-11-20/China-Thailand-chart-new-directions-of-bilateral-relations-1f5UIJKm1mo/index.html



ที่มา:  พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ