เทศกาล Black Friday และคริสมาสต์ที่กำลังใกล้เข้ามา คือจุดเริ่มต้นของการสร้างยอดขายอย่างเป็นกอบเป็นกำ อย่างไรก็ตามภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะต้องต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รวมถึงระบบซัพพลายเชนที่ไม่แน่นอน และพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากเดิม
ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรสขอแนะนำเคล็ดลับเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ รวมถึงวิธีการปรับตัวของธุรกิจเพื่อให้คุณมีช่วงเวลาการขายที่ดี และประสบความสำเร็จ
พฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภคในช่วงพีคซีซั่นปลายปี 2565
- งบประมาณของผู้บริโภคจะลดลง
เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นผู้ซื้อทั่วโลกกว่า 42% จึงวางแผนที่จะเริ่มต้นซื้อของขวัญสำหรับช่วงเทศกาลวันหยุดแต่เนิ่นๆ ก่อนที่ราคาจะสูงขึ้นไปอีก[1] และหลายคนตั้งใจจะลดจำนวนเงินที่ใช้จ่ายด้วยเช่นกัน ทำให้มีการคาดว่ายอดใช้จ่ายช่วงเทศกาลช้อปปิ้งจะลดลงในปีนี้
สิ่งที่ธุรกิจของคุณควรรับมือ
- ถึงเวลาแล้วที่จะทบทวนกลยุทธ์ราคาของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถแข่งขันได้ โดยคุณควรตรวจสอบราคาของคู่แข่ง แล้วพิจารณาว่าคุณจะสามารถเสนอราคาที่ใกล้เคียงกัน หรือถูกกว่านั้นได้หรือไม่
- คุณมีสต็อกสินค้าส่วนเกินตกค้างอยู่ในโกดังบางแห่งหรือไม่ ตอนนี้คือเวลาที่เหมาะสมในการนำเสนอส่วนลดพิเศษเพื่อระบายสต็อกสินค้าของคุณ
- เสนอตัวเลือกการชำระเงินที่หลากหลายและยืดหยุ่น รวมถึงบริการ "ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง" ที่จุดชำระเงิน เพื่อให้ลูกค้าสามารถค้นหาตัวเลือกที่เหมาะกับความต้องการ
- อย่าลืมเสนอบริการจัดส่งฟรี ซึ่งนับเป็นสิ่งจูงใจที่สำคัญเสมอสำหรับลูกค้า โดยเฉพาะช่วงเวลานี้
- "ความคุ้มค่า" คือสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากที่สุด
รายงานแนวโน้มการใช้จ่ายประจำปี 2565 ของ eBay[2] ระบุว่า ผู้บริโภค 60% เห็นว่าความคุ้มค่า คุ้มราคา เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของการช้อปปิ้งช่วงคริสต์มาสปีนี้
สิ่งที่ธุรกิจของคุณควรรับมือ
- ลูกค้าจะใช้เวลานานขึ้นในการพิจารณาก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ คุณอาจกระตุ้นการจับจ่ายของพวกเขา เช่น แนะนำของขวัญที่น่าสนใจ แต่ไม่ควรเร่งรัดมากจนเกินไป
- เน้นย้ำเรื่องคุณภาพและจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่ากำลังได้รับสิ่งพิเศษ
- ผู้ซื้อจะใช้เวลามากขึ้นในมาร์เก็ตเพลสอย่างเช่น Amazon ที่ซึ่งพวกเขาสามารถเปรียบเทียบราคาได้อย่างง่ายดาย
- นำเสนอชุดผลิตภัณฑ์ที่รวมสินค้าหลายรายการในราคาที่ถูกลง ซึ่งจะดึงดูดผู้ซื้อที่มองหาความคุ้มค่า และขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้คุณเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น
- ความภักดีต่อแบรนด์จะลดลง
"ราคา" คือสิ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญสูงสุด ดังนั้นผู้บริโภคจึงมีแนวโน้มที่จะ "นอกใจ" แบรนด์ที่เคยซื้อเป็นประจำ และหันไปเลือกซื้อสินค้าที่ให้โปรโมชั่นที่ดีที่สุดแทน ส่วนธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นก็จะตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะจำเป็นที่จะต้องคงราคาปัจจุบันเอาไว้ ขณะที่ลูกค้าก็มีแนวโน้มที่จะไปซื้อแบรนด์ที่ราคาถูกกว่า หรือไม่ก็ต้องยอมลดราคาให้ถูกลงในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งกำไรก็จะลดลงตามไปด้วย
สิ่งที่ธุรกิจของคุณควรรับมือ
ให้ 'ประสบการณ์ของลูกค้า' เป็นหัวใจสำคัญของแคมเปญการขายของคุณในช่วงพีคซีซั่นนี้ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่ พร้อมทั้งดึงดูดลูกค้ารายใหม่:
- พิจารณาเรื่องการตลาดแบบเฉพาะบุคคล (Personalization) เช่น ส่งโบรชัวร์แนะนำของขวัญที่เหมาะกับลูกค้าเป็นรายบุคคล (คุณอาจอ้างอิงข้อมูลจากประวัติการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของลูกค้า) ส่งโค้ดส่วนลดพิเศษให้แก่ลูกค้าประจำผ่านทางอีเมล หรือการสร้างความประทับใจเล็กๆ น้อยๆ เช่น เอ่ยชื่อลูกค้าในการสื่อสารต่างๆ
- มีส่วนร่วมกับลูกค้าบนโซเชียลมีเดีย แสดงตัวตน และตอบคำถามอย่างรวดเร็ว
- เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ได้รับการจัดทำเป็นอย่างดีจะช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม
- กรีนช้อปปิ้งคือเทรนด์ที่มาแรง
ในปีนี้ ประเด็นเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) มีบทบาทสำคัญอย่างมาก โดย 83% ของผู้ซื้อจะมองหาแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในช่วงเทศกาลวันหยุดนี้ ขณะที่ 42% จะยอมจ่ายมากขึ้นสำหรับบริการจัดส่งที่ยั่งยืน[3]
สิ่งที่ธุรกิจของคุณควรรับมือ
- แจ้งเป้าหมายและนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของแบรนด์คุณในทุกช่องทางการสื่อสาร และบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
- คำนึงถึงเรื่องบรรจุภัณฑ์ ถ้าหากออเดอร์ชิ้นเล็กๆ ถูกห่อหุ้มด้วยบรรจุภัณฑ์ที่มากเกินความจำเป็น ลูกค้าจะรู้สึกไม่ประทับใจ และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ลูกค้าอาจนำเอาเรื่องนี้ไปเผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย!
ปรับใช้นโยบายการชดเชยคาร์บอน ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรสนำเสนอทางเลือกในการขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมภายใต้บริการ GoGreen ซึ่งจะช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนในการขนส่งด้วยการลงทุนในโครงการ Climate Protection ที่จัดทำทั่วโลก รวมถึงการปลูกต้นไม้หนึ่งล้านต้นต่อปี
- ธุรกิจต่างๆ จะเผชิญกับความท้าทายด้านซัพพลายเชนมากขึ้น
สงครามในยูเครน ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ภาวะเงินเฟ้อทั่วโลก และนโยบายจำกัดการเดินทางเข้า-ออกของประเทศจีนเนื่องจากสถานการณ์โควิด ส่งผลให้สินค้าส่งออกจากประเทศจีนเกิดความล่าช้า จึงไม่น่าแปลกใจที่ 67% ของธุรกิจเอสเอ็มอีในสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับปัญหาท้าทายด้านสินค้าคงคลังในปี 2565 และ 80% พบว่าต้นทุนด้านซัพพลายเชนของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้น[4] ขณะที่ช่วงเวลาธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มีความคึกคักมากที่สุดกำลังจะมาถึง ความกดดันก็อาจจะมีเพิ่มขึ้นเช่นกัน
สิ่งที่ธุรกิจของคุณควรรับมือ
- กระจายการซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์หลายราย เพราะการพึ่งพาซัพพลายเออร์เพียงรายเดียวเป็นเรื่องที่เสี่ยงอย่างมากในสถานการณ์ปัจจุบัน การทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์หลายรายจะช่วยให้ธุรกิจของคุณมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของตลาด
- พิจารณาโซลูชั่นที่เป็น Digital-first เช่น ซอฟต์แวร์ตรวจสอบติดตามสินค้าคงคลัง และระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ โซลูชั่นเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถคาดการณ์ความต้องการของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งลดต้นทุนหน่วยสุดท้าย (Marginal Cost) และลดการสิ้นเปลือง
- พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การขายของคุณในทันทีถ้าคุณประสบปัญหาความล่าช้าในการจัดส่งจากซัพพลายเออร์ เช่น เปลี่ยนแผนการขายโดยขายผลิตภัณฑ์อื่นที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของคุณ เพราะลูกค้าไม่ต้องการเห็นคำว่า "Out of Stock"
- ผู้ค้าปลีกหลายรายจำเป็นต้องลดต้นทุนในส่วนต่างๆ ของธุรกิจ แต่การเสนอบริการจัดส่งฟรีและบริการรับคืนสินค้าจะช่วยกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงควรคงนโยบายส่วนนี้ไว้ และหันไปสำรวจส่วนอื่นๆ ในธุรกิจของคุณแทน เพื่อดูว่ามีส่วนไหนบ้างที่จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้
ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรสพร้อมทำหน้าที่โลจิสติกส์พาร์ทเนอร์ที่คุณไว้วางในในพีคซีซั่นนี้ และแบ่งปันคำแนะนำดีๆ รวมถึงข้อมูลเจาะลึกที่จะช่วยให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของคุณเติบโตในช่วงเวลาการขายที่คึกคักที่สุด และสามารถจัดการกับการขาย พร้อมรับมือกับความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในช่วงพีคซีซั่นนี้
อ่านบทความจากเว็บไซต์ได้ที่นี่ https://www.dhl.com/discover/en-global/business/market-intelligence/peak-season-2022-what-your-business-can-expect
ติดตามข่าวสารได้ที่: https://www.mydhl.express.dhl/th และ https://www.DHLtoYou.com
โซเชียลมีเดีย: Facebook - DHL Express Thailand และ Instagram @dhl_express_thailand
ดีเอชแอล - ผู้ให้บริการลอจิสติกส์ระดับโลก
ดีเอชแอล คือผู้นำระดับโลกด้านการให้บริการลอจิสติกส์ เรามีบริการที่หลากหลายครอบคลุมตั้งแต่การขนส่งสินค้าภายในและระหว่างประเทศ การขนส่งสินค้าอีคอมเมิร์ซและลอจิสติกส์โซลูชั่นครบวงจร การขนส่งด่วนระหว่างประเทศ การขนส่งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ ตลอดจนการบริหารจัดการซัพพลายเชนในธุรกิจต่าง ๆ เรามีบุคคลากรกว่า 380,000 คน ใน 220 ประเทศ จึงสามารถเชื่อมโยงผู้คนและการดำเนินธุรกิจทั่วโลกได้อย่างต่อเนื่องด้วยบริการขนส่งที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ด้วยความเชี่ยวชาญด้านลอจิสติกส์โซลูชั่นและสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดที่กำลังเติบโต อาทิ ด้านเทคโนโลยี ชีววิทยาศาสตร์และบริการทางการแพทย์ วิศวกรรม อุตสาหกรรมการผลิตและพลังงาน รวมถึงธุรกิจยานยนต์และค้าปลีก ดีเอชแอลจึงมั่นใจว่า เราคือ "ผู้ให้บริการลอจิสติกส์ระดับโลก" ที่แท้จริง
ดีเอชแอล เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท ดอยช์ โพสต์ ดีเอชแอล กรุ๊ป ซึ่งมีรายได้มากกว่า 81,000 ล้านยูโรในปี 2564 ด้วยหลักการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน สังคมและสิ่งแวดล้อม กลุ่มบริษัทฯ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างประโยชน์คืนสู่โลก โดยตั้งเป้าเป็นบริษัทลอจิสติกส์ที่ลดการปล่อยของเสียจากกระบวนการผลิตให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593
[4] Ware2Go - Peak 2022 Competitive Differentiators, August 2022
[3] Salesforce, July 2022
[2] eBay - แนวโน้มการใช้จ่ายในช่วงคริสต์มาส 2022
[1] Salesforce, July 2022
ที่มา: พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง