ทั้งนี้ HPT ได้ผ่านเกณฑ์ตามมาตรวัดในแผนการดำเนินงานสำหรับ GPAS-2020 และเกณฑ์การประเมินที่กำหนดไว้ในคู่มือประกอบการประเมินผล Guide to GPAS Expert Evaluation โดย HPT ยังนับเป็นหนึ่งในท่าเรือทั้งสิ้น 11 แห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเป็นผู้ประกอบการท่าเทียบเรือในประเทศไทยเพียงแห่งเดียวที่ได้รับคัดเลือกให้รับรางวัลทรงเกียรตินี้อีกด้วย
มร. สตีเฟ้นท์ อาร์ชเวิรท กรรมการผู้จัดการ ฮัทชิสัน พอร์ท ประจำประเทศไทย และ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า "การพัฒนาเพื่อความยั่งยืนและสีเขียวเป็นสิ่งที่บริษัทพยายามมาอย่างต่อเนื่อง และเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลนี้ที่นับเป็นอีกก้าวสำคัญสู่เป้าหมายทางธุรกิจของเรา รางวัลนี้เป็นเสมือนการรับรองในการปฏิบัติทางด้านสิ่งแวดล้อมและความเป็นผู้นำที่โดดเด่นในด้านนี้ของเราอันสะท้อนให้เห็นได้จากพนักงานและพันธมิตรของเรา และยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่เราจะทำตามคำมั่นสัญญาในการเดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ต่อไปสู่ความยั่งยืน"
ภายใต้แผนกลยุทธ์ "HPT Go Green" HPT ได้ริเริ่มทำโครงการต่าง ๆ ด้วยความต้องการที่จะลดสาเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อนด้วยการปรับเปลี่ยนวิธีการปฏิบัติงานประจำวันทั้งส่วนปฏิบัติการหน้าท่าและส่วนสำนักงาน ซึ่งประกอบไปด้วยการนำเครื่องจักรประหยัดพลังงาน เช่น การนำรถบรรทุกอัตโนมัติใช้พลังงานไฟฟ้ามาทำงานร่วมกับรถบรรทุกแบบทั่วไป ปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่า (super post panamax ship to shore cranes) และปั้นจั่นยกตู้สินค้าในลานแบบล้อยาง (remote-control rubber tyred yard cranes) ที่ควบคุมจากระยะไกลและใช้พลังงานไฟฟ้า รวมถึงการค่อย ๆ ปรับลดการใช้เอกสารแบบกระดาษ การแยกประเภทขยะ ลดการใช้ไฟฟ้า การใช้น้ำ กล่องพลาสติกและกล่องโฟม รวมถึงการปลูกต้นไม้
ความพยายามดังกล่าวข้างต้นได้ส่งผลให้เห็นเป็นรูปธรรมจากผลประเมินการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประจำปี และการลดมลภาวะทางด้านเสียงลงได้จากการใช้ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า
ไม่เพียงเท่านั้น HPT ยังได้แบ่งปันความรู้ทางด้านการพัฒนาท่าเรือเพื่อความยั่งยืนด้วยการส่งต่อสิ่งที่มีค่านี้ไปยังว่าที่พนักงานในอนาคตของบริษัทในความร่วมมือกับคณะพาณิชยนาวีนานาชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา ด้านการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "อนาคตที่ยั่งยืนของเรา" (Our Sustainable Future) ของ HPT ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนนักศึกษาที่จะกลายเป็นบุคลากรในสายงานด้านการขนส่งทางทะเล ทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้พวกเขาเหล่านั้นได้ตระหนักถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอีกด้วย
ที่มา: สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์