สำหรับการเข้าลงทุนใน "HWTHAI"ครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำเพื่อต่อยอดธุรกิจในการให้บริการโซลูชั่นครบวงจร ตามแผนนโยบายการขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2566 ภายใต้ 2 กลยุทธ์ คือ ทั้ง Organic และ Inorganic โดยบริษัทฯได้มีการวางกลยุทธ์ด้าน Organic คือ การเติบโตจากการดำเนินงานภายใต้ธุรกิจเดิม โดยการขยายโปรเจคคอนเทนต์และโซลูชั่นใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มฐานรายได้จากโปรเจคที่ทำกับค่ายมือถือต่างๆ ให้มั่นคงยั่งยืนมากขึ้น ขณะที่ กลยุทธ์ด้าน Inorganic คือ การเติบโตจากภายนอก ซึ่งจะเป็นการมองหาการลงทุนในกลุ่มบริษัทใหม่ ๆ เพิ่มเติม เพื่อต่อยอดธุรกิจและเป็นการกระจายความเสี่ยงลดการพึ่งพิงรายได้จากค่ายมือถือแต่เพียงอย่างเดียว สู่การสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจในการลงทุนใหม่ๆและสร้างมูลค่าเพิ่มของรายได้ในอนาคต
จากส่วนแบ่งการตลาดของ "HT" มากกว่าร้อยละ 70 ซึ่งถือว่าเป็นเบอร์ 1 ในการให้บริการระบบการบริหารจัดการด้านความสัมพันธ์ของลูกค้าในไต้หวัน ภายใต้การให้บริการเชื่อมต่อเข้ากับระบบการชำระเงินผ่านบัตร และแอปพลิเคชัน พร้อมทั้งระบบการยืนยันตัวตน เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน โดยสามารถปรับเปลี่ยนขนาดของระบบให้เหมาะสมกับการใช้งาน อาทิ กลุ่มธนาคารหลายแห่ง ได้แก่ First Commercial Bank, Mega International Commercial Bank, Hwa Nan Bang และ Cathay United Bank และยังเป็นสมาชิกในกลุ่ม FIDO Alliance ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำ เช่น Amazon, Apple, Google, Microsoft, Mastercard, PayPal และ Qualcomm ร่วมพัฒนาและกำหนดมาตรฐานการใช้งานของระบบ FIDO ซึ่งเป็นระบบการยืนยันตัวตนในอนาคต และ "HT" ยังเป็นผู้ให้บริการระบบห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 1,400 แห่ง
นอกจากนี้ "HT" ยังมีเป็นผู้ให้บริการบริษัทชั้นนำจำนวนมากในหลายประเทศ อาทิ จีน ไต้หวัน ฮ่องกง มาเลเซีย เวียดนาม และไทย โดยในประเทศไทยได้มีการจัดตั้งบริษัท HWTHAI เพื่อดำเนินการธุรกิจพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ซึ่งการเข้าลงทุนในครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างประโยชน์ร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย จากประสบการณ์การดำเนินธุรกิจในไทยของ "ADD" และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของ "HT" จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าในระดับองค์กรต่าง ๆ ที่มีความต้องการในการพัฒนาบริการตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์