สอวช. ร่วมเป็นพลังสำคัญสร้างระบบนิเวศขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนในไทย ดึงกลไกการสนับสนุนทั้งด้านการเงิน การปลดล็อกข้อจำกัดด้านกฎหมายและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

ศุกร์ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๐๒๒ ๑๓:๕๑
ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) เป็นวิทยากรบรรยายเรื่อง "กลไกความร่วมมือ โดยใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม (วทน.) ในด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในกลุ่มประเทศเอเปค" (Mechanism for STI Collaboration on Circular Economy toward Net Zero Target in APEC Regions) ในการจัดประชุมวิชาการระดับภูมิภาค 16th Asia Pacific Roundtable on Sustainable Consumption and Production ในหัวข้อ "การขับเคลื่อนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนและเศรษฐกิจหมุนเวียน ให้บรรลุเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์" (Bridging Net Zero Transition by SCP and Circular Economy) จัดโดย สมาคมส่งเสริมการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน (ประเทศไทย) (Thai-SCP) ร่วมกับเครือข่ายส่งเสริมการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนแห่งเอเซียแปซิฟิก (APRSCP) โดยพิธีเปิดจัดขึ้นเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ณ โรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส กรุงเทพฯ
สอวช. ร่วมเป็นพลังสำคัญสร้างระบบนิเวศขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนในไทย ดึงกลไกการสนับสนุนทั้งด้านการเงิน การปลดล็อกข้อจำกัดด้านกฎหมายและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

ดร.กิติพงค์ กล่าวว่า กลไกความร่วมมือ โดยใช้ วทน. ในด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน ถือเป็นประเด็นที่สำคัญ เพราะการขับเคลื่อนเรื่องนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ รวมถึงความร่วมมือกับต่างประเทศ โดยเฉพาะการดำเนินงานตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนจะเป็นส่วนสำคัญที่จะนำประเทศไทยมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 หรือ COP26 ที่จัดขึ้นที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ ในปีที่ผ่านมาว่า ประเทศไทยจะไปสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2065 และในการประชุม COP27 ประจำปีนี้ ที่เมืองชาร์ม เอล เชค สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ยังได้มีการหารืออภิปรายเกี่ยวกับประเด็นการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Adaptation) ความสูญเสีย (Loss) และความเสียหาย (Damage) ซึ่งในแง่ของการปรับตัว การนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้จะเป็นคำตอบในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมในอนาคตได้

แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นส่วนหนึ่งของโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี (BCG Economy model) ที่ สอวช. เสนอให้เกิดเป็นนโยบายของประเทศ และรัฐบาลได้กำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ ทำให้ในปัจจุบันทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่างให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านนี้ ส่วนของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศไทย จากมุมมองด้านนโยบาย มองว่าเราต้องการระบบนิเวศในการขับเคลื่อนและทำงานร่วมกัน สอวช. จึงมุ่งพัฒนาระบบนิเวศ ให้พร้อมสำหรับทุกภาคส่วน โดยในปีที่ผ่านมา ได้ดำเนินการขับเคลื่อนนโยบาย และข้อริเริ่มหลายโครงการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงได้พัฒนาจัดทำกรอบนโยบายนวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน: วิสัยทัศน์ พ.ศ. 2573 (Circular Economy Innovation Ecosystem: Vision 2030)

นอกจากนี้ สอวช. ยังทำงานร่วมกับอีกหลายหน่วยงานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน เช่น สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (Global Compact Network Thailand) ที่เข้ามาช่วยสนับสนุนโครงการสร้างขีดความสามารถในการออกแบบหมุนเวียน (Circular Design) ผ่านหลักสูตร CIRCO จากประเทศเนเธอแลนด์ เพื่อให้บริษัทที่เข้าร่วมโครงการมีแนวทางในการนำเอาโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียนไปใช้ในธุรกิจได้ ซึ่งที่ผ่านมาจัดหลักสูตรไปแล้วใน 8 กลุ่มอุตสาหกรรม มีบริษัทเข้าร่วมกว่า 100 แห่ง และในอนาคตมีแผนที่จะยกระดับโครงการนี้ให้กลุ่ม SME ได้เข้าร่วมมากขึ้น โดยได้มีการหารือร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในการส่งเสริมและช่วยเหลือกลุ่ม SME โดยตรงด้วย

สำหรับกลไกที่จะเข้าไปช่วยสนับสนุนการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนมีหลายส่วนด้วยกัน ในส่วนของการสนับสนุนเงินทุนวิจัย หลังจากตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ขึ้นมา ได้มีการจัดตั้งหน่วยบริหารและจัดการทุน (Program Management Unit: PMU) ขึ้นมาเพื่อเป็นหน่วยงานให้ทุนดูแลรับผิดชอบการให้ทุนในสาขาที่แตกต่างกัน ตัวอย่างการดำเนินงานของหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) จะมุ่งเน้นการจับคู่การให้ทุนร่วมกับบริษัทและหน่วยวิจัย ทั้งมหาวิทยาลัยหรือสถาบันวิจัย โดยให้ความสำคัญกับการเข้าถึงตลาด หรือการนำผลงานวิจัยหรือเทคโนโลยีออกไปสู่เชิงพาณิชย์ได้

กลไกต่อมาคือเรื่องกฎ ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ ต้องมีการปลดล็อกให้สามารถดำเนินงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างราบรื่น มีการริเริ่มการทำแซนด์บ็อกซ์ขึ้นมา เพื่อเป็นโอกาสในการเชื่อมโยงประสานงาน กระตุ้นให้เกิดการทำงานร่วมกับองค์กรต่าง ๆ และร่วมกันแก้ปัญหา แก้ไขข้อติดขัดในด้านกฎระเบียบที่เรากำลังเผชิญอยู่ อีกส่วนสำคัญคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ที่ประเทศไทยยังขาดผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เฉพาะในด้านที่เกี่ยวข้อง เช่น มาตรฐานการตรวจสอบคาร์บอน (Carbon Verification Standard: CVS) การซื้อขายคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Trading) จึงยังต้องมีการสนับสนุนการพัฒนากำลังคนที่มีทักษะในด้านนี้เพิ่มมากขึ้น และกลไกสำคัญในส่วนสุดท้าย คือหน่วยประสานงานกลาง (Intermediary) ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกัน ซึ่ง สอวช. ได้ดำเนินงานในส่วนนี้มาอย่างต่อเนื่อง มีการจัด CE innovation policy forum ร่วมกับ Thai-SCP จัดเวทีหารือในด้านนโยบาย แลกเปลี่ยนความเห็นและความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ทำให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม และยังนำไปสู่แนวทางการขับเคลื่อนงานในอนาคตร่วมกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อไป

ทั้งนี้ ในพิธีเปิดงานยังได้มีการปาฐกถาพิเศษ "ทิศทางของนานาชาติและประเทศไทยในการขับเคลื่อนสู่เป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์" โดย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม รวมถึงมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิร่วมให้การบรรยาย ได้แก่ ดร.มุชตาค มีมอน ผู้แทนสหประชาชาติ ด้านสิ่งแวดล้อมของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก บรรยายเรื่อง "สถานการณ์การขับเคลื่อนการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาค" และ ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) บรรยายเรื่อง "บทบาทของภาคเอกชนในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์"

นอกจากนี้ สอวช. ยังจัดกิจกรรมต่อเนื่องในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ได้มีการจัดเวทีเสวนาโต๊ะกลมในหัวข้อ "แรงขับเคลื่อนของการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนและเศรษฐกิจหมุนเวียน" (Driving Forces for SCP & Circular Economy) โดยมี ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สอวช. เป็นประธานในที่ประชุม และมีผู้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา ทั้งในไทยและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศเนเธอแลนด์ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และ Stockholm Environment Institute (SEI) ที่ได้ร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิด แนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน รวมถึงนำเสนอตัวอย่างการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจเพื่อเป็นแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) เป็นแบบอย่างในการนำแนวทางไปปรับประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับบริบทของประเทศต่อไป

ที่มา: สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO