นายชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์ มันนี่ จำกัด (มหาชน) หรือ SM เปิดเผยว่า บริษัทฯได้จัดงานโรดโชว์ในรูปแบบออนไลน์ ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้นักลงทุนทั่วไปได้รับฟังข้อมูลการดำเนินธุรกิจ และแผนงานในอนาคต รวมถึงเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตตามแผนการระดมทุน โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 300 ล้านหุ้น คิดเป็น 27.27% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และคาดจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ (ธุรกิจการเงิน) ภายในปีนี้
วัตถุประสงค์หลักในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในครั้งนี้ เพื่อต้องการระดมทุนเพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจการให้บริการสินเชื่อทุกประเภท ขยายสาขา รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย และ/หรือประกันชีวิต เป็นต้น นอกจากนี้ ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วนจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต อีกทั้งเป็นการยกระดับบริษัทฯ เข้าสู่มาตรฐานสากล เพิ่มความน่าเชื่อถือในด้านภาพลักษณ์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้าและคู่ค้า รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน เตรียมพร้อมสำหรับโอกาสการเติบโต
โดยบริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการให้บริการสินเชื่อผ่อนชำระ สินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่ออุปโภคบริโภค ภายใต้แนวความคิดเพื่อให้ลูกค้ามีความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) และภูมิคุ้มกันทางการเงินที่เข้มแข็ง และวางเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในอีก 4 ปีข้างหน้า ระหว่างปี 2565 - 2568 โดยจะพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์สินเชื่อทางการเงินใหม่ๆ และหลากหลาย พร้อมทั้งขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการตามจังหวัดที่สำคัญของประเทศ และตั้งเป้าหมายที่จะกำกับดูแลบริหารความเสี่ยงอย่างระมัดระวังให้มีประสิทธิผลมากขึ้น และใช้รูปแบบการทำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จของบริษัทฯ ในภาคตะวันออกเป็นต้นแบบการดำเนินธุรกิจ
ปัจจุบัน SM ประกอบธุรกิจหลักของบริษัทฯ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ธุรกิจ คือ ธุรกิจจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ เช่น โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ตู้แช่ รถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์อื่นๆ ทั้งในรูปแบบการจำหน่ายสินค้าแบบขายเงินสดและขายผ่อนชำระ ซึ่งจัดทำเป็นสัญญาเช่าซื้อ โดยจำหน่ายสินค้าผ่าน "ร้านสตาร์มันนี่" ในจังหวัดระยองและจังหวัดจันทบุรี รวมถึงมีบางส่วนจำหน่ายผ่าน Platform E-Marketplace
ธุรกิจปล่อยสินเชื่อประเภทต่างๆ ได้แก่ สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มิใช่สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และสินเชื่อที่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อทะเบียนรถ สินเชื่อที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยมีหลักประกันเงินให้กู้ยืม ได้แก่ เล่มทะเบียนรถจักรยานยนต์ เล่มทะเบียนรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง เล่มทะเบียนรถยนต์เพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงให้บริการเป็นนายหน้าประกันวินาศภัย
างศิริพร เหล่ารัตนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของบริษัท สตาร์ มันนี่ จำกัด (มหาชน) หรือ "SM" กล่าวว่า การนำเสนอข้อมูลสรุปในงานโรดโชว์ครั้งนี้ เชื่อว่าจะทำให้นักลงทุนเชื่อมั่น ในศักยภาพการเติบโตของ SM ที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน ด้วยจุดแข็งของ SM ที่มีประสบการณ์การทำงานยาวนานถึง 30 ปี และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า และผู้ใช้บริการในภาคตะวันออก มีสาขากระจายไปตามแหล่งชุมชน และมีจรรยาบรรณทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทให้ความสำคัญกับการกำกับดูแล และบริหารความเสี่ยงอย่างระมัดระวัง และมีการติดตามหนี้ด้วยหลักธรรมาภิบาล และการบริหารอัตราส่วน NPL ให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ธุรกิจของ SM อยู่ในโซนพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจ ที่ได้นโยบายสนับสนุนการลงทุนจากภาครัฐ ในโครงการ EEC ทำให้มีการลงทุนและการเติบโตในจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นภาคครัวเรือน ภาคอุตสาหกรรม และภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นโอกาสทองของ SM ในขยายการเติบโตในพื้นที่ดังกล่าวได้เพิ่มขึ้น
ในด้านผลการดำเนินงานของบริษัทฯ มาจากทั้งธุรกิจจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและธุรกิจปล่อยสินเชื่อ โดยมีรายได้จากการขายและรายได้ดอกเบี้ยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้อยู่ในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวน โดยผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 มีรายได้รวมจำนวน 717.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.19% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการเพิ่มขึ้นหลักๆ มาจากรายได้จากการขายสินค้าประเภทโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ที่มีความต้องการของตลาดสูงขึ้น สอดรับแนวโน้มการใช้เทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น การทำงาน และ/หรือ เรียนออนไลน์ รวมถึงมีการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ และการขยายช่องทางการขายไปยังสาขา Express ซึ่งการขายจะเน้นแบบผ่อนชำระ ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยตามสัญญาเช่าซื้อเพิ่มขึ้น
อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้นปรับสูงขึ้น เนื่องจากสินค้าประเภทโทรศัพท์มือถือมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 60.80 ล้านบาท ใกล้เคียงงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการบริหารในส่วนของพนักงานเพิ่มขึ้นจากการขยายสาขา และมีต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน เพื่อมาขยายพอร์ตสินเชื่อ ณ 30 มิถุนายน 2565 SM มีสาขาทั้งสิ้น 91 สาขา ครอบคลุมจังหวัดภาคตะวันออก และมีสาขาที่จ.อุดรธานี และจ.นครราชสีมา
โดยบริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นและส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่สม่ำเสมอ โดยงวด 6 เดือนปี 2565 มีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขาย 14.91% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย 18.47% อัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 8.5% และ ROE เท่ากับ 24.6%
ที่มา: ไออาร์ พลัส