หัวเว่ยมุ่งมั่นลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล เชื่อมต่อสู่ยุคดิจิทัล

จันทร์ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๐๒๒ ๐๙:๑๒
หัวเว่ยร่วมลงนามในพันธสัญญาระดับโลกเพื่อเข้าร่วมพันธมิตรกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ในความร่วมมือด้านดิจิทัล Partner2Connect ซึ่งจะนำการเชื่อมต่อไปสู่ผู้คนประมาณ 120 ล้านคนในพื้นที่ห่างไกลในกว่า 80 ประเทศภายในปี พ.ศ. 2568
หัวเว่ยมุ่งมั่นลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล เชื่อมต่อสู่ยุคดิจิทัล

ดร.เหลียง หัว ประธานคณะกรรมการ บริษัทหัวเว่ย ประกาศการตัดสินใจของบริษัทในการประชุมด้านความยั่งยืน ประจำปี พ.ศ. 2565 ในหัวข้อ "การเชื่อมต่อขั้นสูง สร้างนวัตกรรมที่เกิดแรงขับเคลื่อน (Connectivity+: Innovate for Impact)" โดยการประชุมเสวนาดังกล่าวได้มีการแลกเปลี่ยนและสำรวจถึงความสามารถของนวัตกรรมไอซีทีในการเพิ่มคุณค่าด้านการเชื่อมต่อทางธุรกิจและสังคม ตลอดจนการขับเคลื่อนความยั่งยืนในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล

จากการทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ให้บริการจากทั่วโลก หัวเว่ยได้สร้างเครือข่ายมากกว่า 1,500 เครือข่ายที่สามารถเชื่อมโยงผู้คนกว่าสามพันล้านคนในกว่า 170 ประเทศและภูมิภาค ในส่วนของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปัจจุบัน หัวเว่ย ได้ให้บริการการเชื่อมต่อแก่ผู้คนเกือบ 1.1 พันล้านคนและที่อยู่อาศัยกว่า 293 ล้านหลังใน 20 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมจีนและอินเดีย) หัวเว่ยรักษามาตรฐานการทำงานที่มั่นคงในด้านการรักษาความปลอดภัยได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด ซึ่งในปี พ.ศ. 2564 หัวเว่ยมีสถานีฐานมากกว่า 300,000 แห่งในภูมิภาค ส่งผลให้ปัจจุบันมีเครือข่าย 4G ครอบคลุมถึง 97% ของประชากรทั้งหมด และอัตราความเร็วในการดาวน์โหลดอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ประจำที่เกิน 110 Mbit/s ซึ่งเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นกว่า 17% จากปีที่แล้ว

การสร้างเครือข่ายบรอดแบนด์แบบใยแก้วนำแสงเป็นวิธีการที่สำคัญอีกวิธีหนึ่งเพื่อทำให้บริการเป็นสากล ทั้งนี้ หัวเว่ย ได้นำเสนอโซลูชัน AirPON ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับพื้นที่ที่มีความหนาแน่นของประชากรต่ำและพื้นที่ห่างไกล โซลูชันดังกล่าวจะช่วยลดการใช้ห้องอุปกรณ์ ลดต้นทุนการติดตั้งใยแก้วนำแสง และการใช้พลังงานของเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็รับประกันความรวดเร็วในการติดตั้งเครือข่ายการสื่อสารในพื้นที่

สำหรับในประเทศไทย หัวเว่ยให้การสนับสนุนคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ดำเนินโครงการ USO NET ใช้โซลูชัน AirPON เชื่อมต่อพื้นที่ในชนบทที่ยังขาดการเชื่อมต่อเพื่อสร้างประโยชน์ต่อสังคมไทย อาทิ บนพื้นที่ภูเขาในจังหวัดเชียงใหม่ของประเทศไทยที่มีถนนบนภูเขาความยาว 60 กิโลเมตร และเส้นทางดังกล่าวเป็นถนนบนภูเขาที่พื้นผิวขรุขระ เนื่องจากภูมิประเทศที่สูงชันและขาดการระบายน้ำ ตัวหมู่บ้านยังกระจัดกระจายเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ หลายแห่ง ด้วยเหตุนี้โซลูชันไฟเบอร์มีสายแบบดั้งเดิมจึงมีราคาแพงเกินไป และใช้พลังงานมาก รวมถึงต้องหาสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อรองรับสิ่งอุปกรณ์ทั้งหมด เช่นห้องอุปกรณ์ขนาดใหญ่และใช้สายเคเบิลไฟเบอร์หลายกิโลเมตร ส่งผลให้เกิดความไม่สะดวกต่อผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างมาก ดังนั้น โซลูชัน AirPON ของหัวเว่ยจึงเข้ามาตอบโจทย์ให้กับคนในพื้นที่เป็นอย่างมาก เนื่องจากนำเสาและสายเคเบิลที่มีอยู่มาใช้ใหม่ โดยมีห้องอุปกรณ์ติดตั้งอยู่บนเสา ส่งผลให้การจัดเตรียมบริการมีความรวดเร็วมากขึ้น และบริการสื่อสารสามารถพร้อมใช้งานได้ในราคาไม่แพงและคุ้มค่าสำหรับผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่น

ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2564 โครงการ USO NET ได้ส่งมอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้แก่หมู่บ้านกว่า 19,562 แห่ง ซึ่งคิดเป็นหมู่บ้านในเขตชายแดนกว่า 3,920 แห่ง ทำให้ครัวเรือนกว่า 607,966 แห่งสามารถเข้าถึงบริการบรอดแบนด์ความเร็วสูงได้แล้ว นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวแล้ว หัวเว่ยยังให้การฝึกอบรมด้านทักษะดิจิทัลให้กับชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านทักษะดิจิทัลระหว่างเขตเมืองและพื้นที่ห่างไกลอีก

นายมัลคอล์ม จอห์นสัน รองเลขาธิการสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) กล่าวถึงความเหลื่อมล้ำทั่วโลกว่า "การลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นระหว่างชุมชนเมืองและชุมชนชนบทกลายเป็นวาระที่ทุกฝ่ายทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ นำไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลที่เกิดการพัฒนาด้วยความสมดุล จากสถิติของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) พบว่า เมื่อปี พ.ศ. 2565 สิ้นสุดลง กว่าร้อยละ 95 ของประชากรโลกจะสามารถเข้าถึงบริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ แต่จะมีเพียง 1 ใน 3 คนเท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงโลกออนไลน์ได้ ขณะที่ประชากรในประเทศที่มีรายได้ต่ำ สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้เพียงร้อยละ 22 เมื่อเปรียบเทียบกับประชากรในประเทศที่ประชากรมีรายได้สูง ที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ถึงร้อยละ 91 ด้วยเหตุนี้การเชื่อมต่อแบบดิจิทัล (Digital Connectivity) จึงจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อยกระดับคุณภาพความเป็นอยู่ที่ดีให้กับสังคมและระบบเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตามบริการการเชื่อมต่อที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอ ด้วยเหตุนี้ประชาชนจึงต้องสามารถเข้าถึงบริการด้วยราคาที่จับต้องได้ รวมถึงได้รับประโยชน์จากคอนเทนต์ต่าง ๆ ด้วยภาษาท้องถิ่นนั้น ๆ สิ่งสำคัญคือผู้ใช้จะต้องมีทักษะเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากการการเชื่อมต่อได้อย่างเต็มที่"

นายมัลคอล์ม ได้กล่าวเพิ่มเติม "ขอขอบคุณหัวเว่ยสำหรับการสนับสนุนในโครงการผสานความร่วมมือพันธมิตรดิจิทัล Partner2Connect (P2C) และสำหรับการประกาศคำมั่นสัญญาที่มีต่อโครงการ Partner2Connect (P2C) และดำเนินงานให้เกิดขึ้น ในการสร้างการเชื่อมต่อให้ครอบคลุมพื้นที่ห่างไกลในชนบทและการสร้างทักษะดิจิทัลให้กับคนในท้องถิ่น ผมได้แวะเข้าไปในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในพื้นที่ห่างไกลของประเทศไทยซึ่งเพิ่งจะได้รับการเชื่อมต่อกับเครือข่ายบรอดแบนด์จากโครงการภาครัฐ ตอนนี้หมู่บ้านนั้นสามารถขายงานฝีมือผ่านออนไลน์และทำกำไรได้เพิ่มขึ้นถึง 300% กำไรดังกล่าวได้นำมาใช้เชื่อมต่อโรงเรียนในหมู่บ้านและมอบคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปให้แก่เด็กนักเรียน นี่คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าการเชื่อมต่อสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนให้ดีขึ้นได้ ซึ่งเราเรียกมันว่าการเชื่อมต่ออย่างมีความหมาย"

จากการกล่าวสุนทรพจน์ในครั้งนี้ ดร. เหลียงเน้นย้ำว่าการเข้าถึงเครือข่ายที่มีเสถียรภาพ ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยและสิทธิพื้นฐานในยุคดิจิล และการเข้าถึงเครือข่ายการเชื่อมต่อที่ได้มาตรฐาน จะถือเป็นก้าวแรกและก้าวสำคัญ สู่การเปลี่ยนชีวิตของประชากรอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้

"การเชื่อมต่อจะกลายเป็นมากกว่าเครื่องมือที่ช่วยทำให้การติดต่อสื่อสารมีความสะดวกยิ่งขึ้น" ดร. เหลียงกล่าว "ด้วยการเข้ามาของเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างคลาวด์ และ AI การเชื่อมต่อจะนำทุกคนเข้าสู่โลกดิจิทัล โดยเข้าถึงข้อมูลและทักษะต่าง ๆ รวมถึงบริการที่ดีกว่าเดิม โอกาสทางธุรกิจที่หลากหลาย และในภาพใหญ่จะช่วยพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจได้ในที่สุด"

การเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล บุคลากรที่มีทักษะด้านดิจิทัล และโมเดลทางธุรกิจต่าง ๆ ถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพัฒนาอย่างมีความสมดุลให้ครอบคลุมบริเวณพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในประเทศ โดยก่อนหน้านี้หัวเว่ยได้ประกาศว่า ภายในปีพ.ศ. 2568 ด้วยโครงสร้างพื้นฐานไอซีทีที่ได้รับการยกระดับด้านคุณภาพ หัวเว่ยจะเดินหน้าจับมือกับพันธมิตร เพื่อสร้างการเข้าถึงด้านบริการทางการเงินบนแพลตฟอร์มดิจิทัลให้กับประชากรกว่า 500 ล้านคนทั่วโลก และเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาให้กับประชากรกว่า 500,000 คน สำหรับประเทศไทย หัวเว่ยได้เปิดตัว Huawei ASEAN Academy ในปีพ.ศ. 2563 ซึ่งสามารถผลิตบุคลากรไอซีทีได้กว่า 60,000 คนและสร้างวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ได้กว่า 3,000 ราย

หัวเว่ยมุ่งมั่นขับเคลื่อนสังคมด้วยการพัฒนาที่ไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง นวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่หัวเว่ยพัฒนาอย่างต่อเนื่องนำไปสู่การยกระดับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลที่ครอบคลุมพื้นที่ห่างไกล ทำให้ทุกคนได้รับประโยชน์และความสะดวกจากการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัล นอกจากนั้นหัวเว่ยยังสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาโดยทัดเทียม บนพื้นฐานของเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลกอีกด้วย

ที่มา: คาร์ลบายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์

หัวเว่ยมุ่งมั่นลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล เชื่อมต่อสู่ยุคดิจิทัล

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version