สำหรับวัตถุประสงค์ของการเปลี่ยนชื่อบริษัทในครั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจระยะยาวของบริษัทฯ ที่เปลี่ยนไป จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไปสู่ธุรกิจบริการทางการเงิน พร้อมสร้าง Synergy ร่วมกับบริษัทต่าง ๆ ทั้งภายในกลุ่มบริษัทบีทีเอส และภายในเครือข่ายบริษัทพันธมิตรภายใต้กลยุทธ์ Move Mix และ Match (3M) ของกลุ่มบริษัทบีทีเอส
ส่วนกระบวนการต่อไปในการก้าวเข้าสู่ธุรกิจใหม่นั้น ทางบริษัทฯ จะทยอยขายทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์ และนำเงินที่ได้จากการขายไปลงทุนในธุรกิจบริการทางการเงินต่อไป โดยคาดว่า ภายในสิ้นปี 2565 นี้ จะสามารถขายทรัพย์สินได้กว่า 6,000 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทฯ ได้ลงทุนในธุรกิจบริการทางการเงินบางส่วนแล้ว เช่น การเข้าลงทุนใน Rabbit Life ซึ่งเป็นบริษัทประกันชีวิต รวมถึงการเข้าลงทุนในบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เป็นต้น และในอนาคตบริษัทฯ ยังตั้งเป้าเข้าลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจสินเชื่อรายย่อย (Nano Finance) และธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC)
"ชื่อ Rabbit Holdings จะช่วยเปลี่ยนภาพลักษณ์ของบริษัทให้มีความทันสมัยมากขึ้น เหมาะสมกับทิศทางการดำเนินธุรกิจใหม่ ตัวอย่างเช่น ในช่วงที่ผ่านมา Rabbit Life ได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่สามารถดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง และได้รับผลตอบแทนอย่างรวดเร็ว ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ HERO 10/3 ซึ่งชำระเบี้ยประกันภัยเพียง 3 ปี แต่ให้ความคุ้มครองชีวิตตลอด 10 ปี รับเงินคืนร้อยละ 20 ของจำนวนเงินเอาประกันภัยตั้งแต่ปีแรก และลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท สอดคล้องกับแนวโน้มคนรุ่นใหม่ที่สนใจในการลงทุนเพื่อประหยัดภาษีพร้อมกับได้รับผลตอบแทนที่สูง และรวดเร็ว" นางสาวสรญากล่าว
ที่มา: บีทีเอสกรุ๊ปฯ