นายภราดร รามบุตร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เอชเอ็มดี โกลบอล มุ่งมั่นผลิตอุปกรณ์สื่อสารที่เป็นมิตรต่อผู้บริโภค และเป็นมิตรต่อโลก ล่าสุด ได้รับรางวัล Platinum EcoVadis 2022 ขยับขึ้นแท่นแบรนด์ระดับแพลทินัม ความยั่งยืนด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมระดับโลก ด้วยผลคะแนนการประเมินระดับดีเด่นในด้านสิ่งแวดล้อมอยู่ใน 1% แรกของกลุ่มธุรกิจทั่วโลก และ 98% ในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์สื่อสารจาก 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม แรงงานและสิทธิมนุษยชน จริยธรรม และการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นธรรมและยั่งยืน จาก EcoVadis เป็นหน่วยงานอิสระที่น่าเชื่อถือ ที่ให้บริการจัดอันดับความยั่งยืนทางธุรกิจรายใหญ่ที่สุดและน่าเชื่อถือที่สุดในโลก ด้วยการประเมินผลและจัดอันดับองค์กรธุรกิจ ปัจจุบันมีบริษัทที่ได้รับการประเมินกว่า 90,000 บริษัทใน 175 ประเทศและ 200 อุตสาหกรรม ซึ่งบริษัทฯ ได้พยายามยกระดับการสร้างกระบวนการเพื่อสู่แบรนด์รักษ์โลกมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2563 ได้รับเหรียญ Silver Ecovadis 2020 "ระดับเงิน" ล่าสุดที่ 2564 ที่ผ่านมาได้รับเหรียญ Gold Ecovadis 2021 ในระดับ "ระดับทอง"
"รางวัลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดสร้างแบรนด์รักษ์โลกอย่างมุ่งมั่น พร้อมสร้างเวิลด์ ไลฟ์ บาลานซ์ (World-Life Balance) ให้โลกอย่างต่อเนื่อง หวังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยฟื้นคืนธรรมชาติให้กับโลกไปพร้อม ๆ กับผู้บริโภคทั่วโลก ผ่านแนวคิด "Play the long game" ด้วยการส่งต่อโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตคุณภาพ ใช้วัสดุอุปกรณ์ที่เน้นคุณภาพสูงสุด กระบวนการผลิตที่เข้มงวด ผ่านการทดสอบที่เข้มงวดมากกว่า 50 ครั้ง ตั้งแต่การสัมผัสการใช้งาน, การตกหล่น, ตลอดจนการทดสอบรอยขีดข่วน เพื่อให้มีความทนทานและใช้งานได้นานภายใต้คอนเซ็ปต์ Love it. Trust it. Keep it. ซึ่งนับเป็นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์โนเกียทุกรุ่นที่เชื่อถือได้ นอกจากนี้ ยังมีการอัปเดตซอฟต์แวร์และความปลอดภัยอยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าโทรศัพท์ของผู้ใช้งานสามารถใช้ได้นานและทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ด้วยซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นล่าสุด มอบประสบการณ์ให้ผู้ใช้รู้สึกรักโทรศัพท์ที่ใช้ได้อีกนานหลายปี ซึ่งนับเป็นการลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์จากสาเหตุหลักในการเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือแต่ละปีของผู้บริโภค"
นายภราดร กล่าวต่อว่า การดูแลรักษาโลกและสิ่งแวดล้อมเป็นประเด็นที่ทุกคนบนโลกต้องร่วมมือ ร่วมใจ บริษัทจึงนำคอนเซปต์ดังกล่าวต่อยอดสู่การพัฒนาโปรดักส์ เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคที่ใส่ใจ และให้ความสำคัญกับโลก จึงได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรักษ์โลกรุ่นแรก Nokia X30 5G ปัจจุบันได้เข้ามาวางจำหน่ายแล้วในตลาดประเทศไทย ด้วยแนวคิดลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก พร้อมกับการขยายกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่มคนรักษ์โลก และผู้บริโภคเจนเนอเรชั่นใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคมีส่วนช่วยดูแลโลก โดยการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยวัสดุรีไซเคิลเป็นหลักเกือบทั้งหมด ประกอบด้วยเฟรมอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% ฝาหลังตัวเครื่องจากพลาสติกรีไซเคิล 65% รวมถึงกล่องผลิตภัณฑ์เป็นกระดาษที่ FSC รับรอง 100% พร้อมกล่องกระดาษรีไซเคิล 94% และลดขนาดบรรจุภัณฑ์ให้เล็กลง เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการขนส่ง และยังสามารถมีใช้งานนานถึง 3 ปี Android 12 สามารถอัปเกรดได้นาน 3 ปี และ Security Patch 3 ปี ทำให้อายุการใช้งานยาวขึ้น
ทั้งนี้ Nokia X30 5G ไม่ได้มีดีเป็นแค่เป็นสมาร์ทโฟนรักษ์โลก แต่ยังเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุค Digital life กล้องชัด ถ่ายสวยแม้ที่มืด ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีกล้อง PureView กลับมาใช้เปิดประสบการณ์ถ่ายภาพที่ดียิ่งขึ้น กล้องหลัก 50MP คมชัดทุกสภาวะแสง รองรับระบบกันสั่นแบบ OIS ผสานเลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 13MP เก็บมุมกว้างถึง 123 องศา และกล้องเซลฟี่ความละเอียด 16MP สุดล้ำกับโหมดถ่ายภาพกลางคืน Night Mode 2.0 และ AI Portrait จับทุกความละเอียดในภาพระดับมืออาชีพ นอกจากนี้ ยังมีแอปพลิเคชั่น GoPro Quik App ติดตั้งไว้ในตัวเครื่อง ให้สามารถถ่ายภาพ ตัดต่อ หรือแก้ไขภาพได้อย่างสมบูรณ์แบบ และแบ่งปันความคิดสร้างสรรค์ได้จากทุกที่ ทุกเวลา สเปคดีตอบโจทย์การใช้งาน ทั้งทำงานและความบันเทิง ด้วยซิปเซท Qualcomm Snapdragon 695 5G Octa Core | GPU : Adreno 619 RAMขนาด 8GB ROMขนาด 256GB หน้าจอขนาด 6.43 นิ้ว ใช้หน้าจอ AMOLED (Pure Display) น้ำหนักเบาพอดีมือ ความละเอียดหน้าจอ: 1080 x 2400 อัตราการรีเฟรช 90 Hz, และยังมีมาตรฐานการป้องกันฝุ่น และน้ำ IP67 มาพร้อม Android 12 และสามารถอัปเกรดได้ 3 เวอร์ชั่น แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 2 วัน
ที่มา: แอบโซลูท พีอาร์