นายสิริเดช คุ้มวงศ์ดี ประธานบริษัทฯ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 40 ปี HMC Polymers ได้พัฒนาการทำงานทุก ๆ มิติอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการเม็ดพลาสติก PP คุณภาพสูงของตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ล่าสุด คือ โครงการก่อสร้างสายการผลิตที่ 4 ซึ่งเริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2563 และแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 และด้วยเทคโนโลยี Spherizone อันเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของบริษัท LyondellBasell ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์ฯ ทำให้เม็ดพลาสติก PP จากสายการผลิตที่ 4 นี้ เป็นเม็ดพลาสติก PP เกรดพิเศษ (Specialty) และเกรดคุณภาพสูง (Differentiated) แตกต่างจากผู้ผลิตรายอื่น ๆ ในตลาด ต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ปลายทางได้มากมาย อาทิ
- กลุ่มการแพทย์และสุขอนามัย : สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันของโลกที่ให้ความสำคัญ ในการยกระดับคุณภาพของการใช้ชีวิตของมนุษย์ โดยเฉพาะช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคติดต่อและการเกิดขึ้นของโรคอุบัติใหม่
- กลุ่มบรรจุภัณฑ์ทั้งแบบแข็งและแบบยืดหยุ่น : ตอบสนองความต้องการของลูกค้า หรือผู้ใช้งานที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วตามยุคสมัย ผ่านดีไซน์และฟังก์ชั่นการใช้งาน ที่หลากหลาย พร้อมคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากพลาสติกชนิดอื่น ๆ
- สุดท้าย คือ กลุ่มชิ้นส่วนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ : ช่วยขับเคลื่อนให้ภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยเติบโตและพัฒนาทัดเทียมนานาอารยประเทศ
นอกจากดำเนินงานด้วยความเป็นเลิศ (Operational Excellence) แล้ว โครงการก่อสร้างสายการผลิตที่ 4 โรงงานโพลีโพรพิลีน ยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน โดยดำเนินการก่อสร้างหอเผาระดับพื้น (Ground Flare) เพื่อลดมลพิษจากการเผาไหม้ที่หอเผาสูง (Elevated Flare) ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ควบคุมควันดำได้เป็นอย่างดี รวมถึงลดเสียงและแสง โดยเป้าหมายต่อไปของบริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์ฯ คือ "โครงการ Zero Flare" เพื่อลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศโลกด้วย
HMC Polymers ยังได้ให้ความสำคัญกับการลดการใช้ทรัพยากรใหม่ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยผุดแพลตฟอร์ม "PP Reborn : ชุบชีวิต PP กับ HMC Polymers" ร่วมกับพันธมิตรหลายกลุ่ม เพื่อจัดเก็บพลาสติกใช้แล้วผ่าน Drop Point ในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะพลาสติก PP เพื่อนำกลับไปรีไซเคิลหรืออัพไซเคิล สร้าง Social Impact เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ทุกชีวิตในสังคม
ที่มา: Move Pr