ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด : ประเทศไทยเข้าสู่วัฏจักรเศรษฐกิจขยายตัว มองปัจจัยภายในสำคัญ 2 เรื่องจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2566

พฤหัส ๐๘ ธันวาคม ๒๐๒๒ ๐๘:๕๑
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) คาดเศรษฐกิจไทยจะค่อยๆ ฟื้นตัวต่อเนื่องตลอดปีหน้า มองทั้งปีเติบโตเกินร้อยละ 4
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด : ประเทศไทยเข้าสู่วัฏจักรเศรษฐกิจขยายตัว มองปัจจัยภายในสำคัญ 2 เรื่องจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2566

การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญและมีสัดส่วนร้อยละ 15 ของจีดีพีประเทศ ประกอบกับการคาดว่าจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังการเลือกตั้งในปี 2566 จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนภายในประเทศที่ทำให้ประเทศไทยเติบโตเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านและทิศทางเศรษฐกิจโลกในปีหน้า

"ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยไม่โดดเด่นเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่ด้วยปัจจัยภายในหลัก 2 ประการนี้ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด จึงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อการเติบโตของไทยในปี 2566" ดร.ทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าว

"เรามองว่าเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะชะลอตัว และอาจจะมีภาวะเศรษฐกิจถดถอยเล็กน้อยในบางประเทศ โดยเราจะติดตามว่าปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลต่อประเทศไทยในช่วงครึ่งปีแรกอย่างไร อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวของไทยส่งสัญญาณบวกของการฟื้นตัวต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่ช่วงไฮซีซั่น (ฤดูท่องเที่ยว) ในปี 2566 จะแข็งแกร่งกว่าปี 2565 โดยเราคาดว่า ในปีหน้าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 15-20 ล้านคน และอาจได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากนักท่องเที่ยวจีนหากจีนผ่อนปรนมาตรการควบคุม นอกจากนี้ เรายังมีมุมมองบวกต่อดุลบัญชีเดินสะพัดในปีหน้า ถึงแม้ว่าจะยังอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ประเทศไทยเคยทำได้ก็ตาม"

ดร.ทิม กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารมองความเสี่ยงการเมืองอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งช่วยส่งเสริมภาพการฟื้นตัวในภาพการท่องเที่ยวและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และนอกจากนี้ การฟื้นตัวน่าจะมีความต่อเนื่องหลังการเลือกตั้งเนื่องจากคาดว่าทิศทางนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่น่าจะชัดเจนขึ้น

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตร้อยละ 4.5 ในปี 2566 และ 2567 โดยคาดว่าในปี 2565 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตร้อยละ 3.3

คาดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อย 2 ครั้งในปี 2566

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาดว่า กนง.จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อย 2 ครั้งในปี 2566 ส่งผลให้ดอกเบี้ยนโยบายไปอยู่ที่อย่างน้อยร้อยละ 1.75 ในสิ้นปีหน้า  

"เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในภาวะไม่แน่นอน เราคาดว่า กนง. จะประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อในช่วงต้นปี โดยเราคาดว่าการดำเนินนโยบายการเงินของไทยเพื่อให้กลับสู่ภาวะปกติจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากเรามองว่าธนาคารแห่งประเทศไทยให้น้ำหนักการฟื้นตัวของเศรษฐกินมากกว่าเงินเฟ้อและเสถียรภาพทางการเงิน" ดร.ทิม กล่าว

อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท และการเคลื่อนไหวของเงินทุน ดร.ทิม กล่าวเสริม

ดอลลาร์/บาทน่าจะอยู่ที่ประมาณ 35 ณ สิ้นปี 2566

ค่าเงินบาทน่าจะยังคงอ่อนตัวอยู่ที่ราว 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 อย่างไรก็ตาม เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังตามปัจจัยที่ได้กล่าวข้างต้น เงินบาทน่าจะแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ราว 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี

ที่มา: ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ