ดร.ศักดิ์ดา ศิริภัทรโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TGE เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยึดมั่นแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ดูแลชุมชน และการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 ได้นำโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล ท่าฉาง พาวเวอร์ กรีน (TPG) จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขนาดกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ (MW) ขึ้นทะเบียนโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย หรือ T-VER ด้วยปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ได้รับการรับรอง (คาร์บอนเครดิต) จำนวน 33,964 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq) สำหรับระยะเวลารับรองเครดิตของโครงการตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2564 - 31 กรกฎาคม 2565 (ปีแรก) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) หรือ TGO โดยมีระยะเวลาโครงการรวมส่วนขยาย 14 ปี ซึ่งทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มจากการจำหน่ายคาร์บอนเครดิตในระยะยาวตลอดอายุโครงการ และทำให้บริษัทได้รับผลประโยชน์ด้านคาร์บอนเครดิตอย่างเต็มที่อีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเตรียมการขอขึ้นทะเบียนและรับรองคาร์บอนเครดิตของโรงไฟฟ้าชีวมวล บริษัท ท่าฉาง ไบโอ พาวเวอร์ จำกัด (TBP) จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขนาดกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการเตรียมการขอการรับรองเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate : REC) ของโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล บริษัท ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ (TGE) เพื่อลดก๊าซเรือนกระจกในภาคผลิตไฟฟ้า โดยโครงการต่างๆ เหล่านี้ นอกจากจะเป็นการสร้างแหล่งรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนเพิ่มเติมให้แก่บริษัทในอนาคตได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังเป็นโครงการที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาการผลิตและการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในประเทศมากยิ่งขึ้น ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก อันนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับชาติของประเทศไทย
ทั้งนี้ บริษัทฯ สามารถนำ "คาร์บอนเครดิต" ดังกล่าวไปสร้างรายได้ผ่าน Carbon Markets Club หรือ ผ่านแพลตฟอร์มตลาดซื้อขาย (Trading Platform) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในประเทศไทย หรือซื้อขายในระบบทวิภาค (Over-the-counter: OTC) ซึ่งเป็นการตกลงกันระหว่างผู้ต้องการซื้อและผู้ขายโดยตรง ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการที่ต้องการขายคาร์บอนเครดิตของตนโดยไม่ผ่านตลาด ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางสร้างรายได้และกำไรของบริษัทฯ ที่แน่นอนและมั่นคงในระยะยาว ขณะเดียวกันตลาดการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ยังเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตอีกมากในอนาคต เนื่องจากเป็นแรงจูงใจสำคัญที่ช่วยให้ประเทศและภาคธุรกิจมุ่งสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งส่งเสริมแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG
นอกจากนี้ TGE ได้เข้าร่วม "เครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (Thailand Carbon Neutral Network : TCNN)" เพื่อร่วมผลักดันให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายใต้แนวทางการดำเนินงานขององค์กรที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมทั้งได้ร่วมเป็นสมาชิก "สมาคมพลังงานหมุนเวียนไทย (RE100)" เพื่อผสานพลังขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยสู่การใช้พลังงานหมุนเวียน 100% และเป็นเครื่องมือสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยเพื่อการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Thailand's Carbon Net Zero) พร้อมยกระดับความสามารถของอุตสาหกรรมไทยเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมใหม่ โดยใช้พลังงานสะอาดเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันไปสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง
ที่มา: เอ็มที มัลติมีเดีย