นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. เอสจี แคปปิตอล เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน หมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "SGC" ในวันที่ 13 ธันวาคม 2565
SGC ดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อที่มิใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) ภายใต้กลุ่ม SINGER ในนาม "เอสจี แคปปิตอล" โดยแบ่งเป็น 1) สินเชื่อเช่าซื้อ (Hire purchase) เครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้ในครัวเรือน และเครื่องจักร 2) สินเชื่อรถยนต์ (Car for Cash) ภายใต้แบรนด์ "รถทำเงิน" (เน้นกลุ่มรถบรรทุก) ผ่านพนักงานขาย สาขาและแฟรนไชส์ของบริษัทในกลุ่ม เช่น SINGER และ Jaymart mobile กว่า 4,154 สาขา พันธมิตรร้านค้า เช่น go! Power และ Homehub เครือข่ายทางธุรกิจ Dealer และ Agent 1,859 ราย ครอบคลุมทุกภูมิภาคในประเทศไทย และขยายการให้บริการครอบคลุมถึงสินเชื่อสวัสดิการพนักงาน และสินเชื่อผ่อนทองออนไลน์ (Click2Gold) โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 บริษัทมีพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อทุกประเภท มูลค่ารวมกว่า 15,000 ล้านบาท
SGC มีทุนชำระแล้ว 3,270 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 2,450 ล้านหุ้น และ หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) 820 ล้านหุ้น โดยเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของ SINGER ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรร (Pre-emptive Rights) 574 ล้านหุ้น ในวันที่ 21 - 25 พฤศจิกายน 2565 และบุคคลและ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน ตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 246 ล้านหุ้น รวมถึงหุ้นที่เหลือจากการเสนอขาย Pre-emptive Rights ในวันที่ 29 - 30 พฤศจิกายน 2565 และวันที่ 1-2 ธันวาคม 2565 ราคาหุ้นละ 3.90 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 3,198 ล้านบาท โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 12,753 ล้านบาท โดยมีบริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกัน การจัดจำหน่ายหุ้นสามัญร่วม
นางสาวบุษบา กุลศิริธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ. เอสจี แคปปิตอล (SGC) เปิดเผยว่าการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยให้บริษัทฯ มีฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้น และเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาใช้รองรับการขยายธุรกิจการให้บริการสินเชื่อ รองรับลูกค้ารายใหม่ และรองรับการขยายตัวของของพอร์ตสินเชื่อที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วนจาก SINGER
SGC มีผู้ถือหุ้น 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ 1) บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (SINGER) ถือหุ้น 74.92% 2) บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) (JMART) ถือหุ้น 4.46% และ 3) บริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (RABBIT) ถือหุ้น 4.17% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO อ้างอิงตามมูลค่าเชิงเปรียบเทียบกับมูลค่าของหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่สามารถอ้างอิงได้ (Market Comparable) ทั้งนี้ ราคาที่เสนอขายคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio :P/E) เท่ากับ 21.84 เท่า เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิของบริษัทที่ 0.18 บาท/หุ้น ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่ในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญภายหลังการเสนอขายครั้งนี้ (Fully Diluted) ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท ภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.sgcapital.co.th/th/home และที่ www.set.or.th
ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย