นายชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์ มันนี่ จำกัด (มหาชน) หรือ SM เปิดเผยว่า ขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่เชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯ ซึ่งดำเนินธุรกิจมาตลอดระยะเวลา 30 ปี มีการขยายสาขา ขยายผลิตภัณฑ์และบริการ รวมทั้ง การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ทำให้การเปิดจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ในช่วงที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม ขายได้หมดทั้งจำนวน 300 ล้านหุ้น
โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 583 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายหลักทรัพย์) บริษัทฯ จะนำไปใช้ขยายธุรกิจการให้บริการสินเชื่อทุกประเภท ขยายสาขา รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย และ/หรือประกันชีวิต เป็นต้น จำนวนประมาณ 409 ล้านบาท ภายในปี 2566-2567 รวมทั้ง ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วนจากสถาบันการเงินประมาณ 146 ล้านบาท และ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการประมาณ 28 ล้านบาท ภายในปี 2566
การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จึงนับเป็นการยกระดับบริษัทฯ เข้าสู่มาตรฐานสากล เพิ่มความน่าเชื่อถือในด้านภาพลักษณ์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้าและคู่ค้า รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน สร้างความพร้อมของฐานเงินทุน เพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนในการลงทุนหุ้น SM ในระยะยาว
นางศิริพร เหล่ารัตนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า การจองซื้อหุ้น IPO ของ SM จำนวน 300 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.04 บาท กำหนดเปิดให้จองซื้อหุ้นไอพีโอ วันที่ 8-9 ธันวาคม และวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจองซื้อเข้ามาเกินกว่าจำนวนที่จัดสรร มองว่ามาจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ SM ทั้งในด้านผลการดำเนินงานและโอกาสการเติบโตในอนาคต ด้วยจุดเด่นของ SM มีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญมากว่า 30 ปี โดดเด่นในด้านความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า และผู้ใช้บริการในภาคตะวันออก ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจ ที่ได้นโยบายสนับสนุนการลงทุนจากภาครัฐ ในโครงการ EEC ทำให้มีการลงทุนและการเติบโตในจังหวัด ขณะที่ช่องทางสาขากระจายไปตามแหล่งชุมชน และมีการติดตามหนี้ด้วยหลักธรรมาภิบาล และการบริหารอัตราส่วน NPL ให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับอุตสาหกรรม
อีกทั้งการกำหนดราคาไอพีโอที่ 2.04 บาทต่อหุ้น คิดเป็น P/E ที่ประมาณ 17.25 เท่า ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม โดยเงินระดมทุนในครั้งนี้จะสนับสนุนให้ SM เพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการสินเชื่อทุกประเภท รวมถึงขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพิ่มโอกาสในการสร้างฐานรายได้ที่มั่นคง ตลอดจน ต้นทุนทางการเงินที่จะลดลง เพิ่มความสามารถในการทำกำไร สนับสนุนให้ SM เป็นอีกบริษัทที่น่าจับตามอง สำหรับใครที่พลาดโอกาสในการจองซื้อ เตรียมพบกับ SM ซึ่งเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 20 ธันวาคม 2565 ในหมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ (ธุรกิจการเงิน)
ที่มา: ไออาร์ พลัส