ฟิทช์คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ที่ 'BBB+(tha) แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

จันทร์ ๑๙ ธันวาคม ๒๐๒๒ ๑๓:๒๙
ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS ที่ 'BBB+(tha)' โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ พร้อมกันนี้ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ 'F2(tha)'

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตมีปัจจัยสนับสนุนจากความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท: อันดับเครดิตของ FSS สะท้อนถึงการที่บริษัทมีเครือข่ายธุรกิจสำหรับกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ของประเทศไทยซึ่งมีการแข่งขันสูง และการมีการกระจุกตัวของรายได้ที่มาจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง รวมทั้งการมีความเสี่ยงในด้านการดำเนินงานตามแผนธุรกิจ (Execution risks) จากแผนการกระจายรายได้ไปในธุรกิจอื่น และอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงฐานะเงินทุนและสภาพคล่องของ FSSที่อยู่ในระดับพอเพียง ซึ่งน่าจะช่วยเป็นกันชนและบรรเทาผลกระทบจากความเสี่ยงที่คาดไม่ถึงได้

การดำเนินธุรกิจที่พึ่งพาภาวะตลาดทุน: FSS ยังคงเป็นหนึ่งใน 5 บริษัทหลักทรัพย์ในประเทศไทยที่มีปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์มากที่สุดอย่างต่อเนื่อง ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 5.4% ณ สิ้นเดือนกันยายน ปี 2565 แต่อย่างไรก็ตาม การกระจายรายได้ยังค่อนข้างกระจุกตัว โดยธุรกิจหลักทรัพย์ยังคิดเป็น 80% ของรายได้รวม ในช่วง 6 เดือนแรกปี 2565 เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 55% ซึ่งทำให้ผลประกอบการของบริษัทต้องพึ่งพิงกับสภาวะตลาดการซื้อขายหลักทรัพย์
ทั้งนี้ความพยายามอย่างต่อเนื่องของบริษัทในการเพิ่มสัดส่วนของรายได้นอกเหนือจากธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ เช่น รายได้จากค่าธรรมเนียมจากธุรกิจ wealth management จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของโครงสร้างธุรกิจ แต่อย่างไรก็ตามรายได้จากธุรกิจดังกล่าวยังมีสัดส่วนค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับธุรกิจโดยรวมของบริษัท

ความสามารถในการทำกำไรที่ผันผวน: ฟิทช์คาดว่าว่าความสามารถในการทำกำไรของ FSS จะยังคงมีความผันผวนค่อนข้างมาก จากการพึ่งพารายได้จากการธุรกิจหลักทรัพย์ที่ผันผวนตามภาวะตลาด อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (operating profit/average equity) ของ FSS ปรับลดลงเป็น 9.4% ในงวด 9 เดือนแรกปี 2565 จาก 14.6% ในปี 2564 ซึ่งสอดคล้องกับภาวะอุตสากรรมที่ปรับตัวชะลอลง ซึ่งเห็นได้จากปริมาณการซื้อขายของตลาดที่ลดลง 13.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ในอดีตบริษัทมีเคยมีรายได้ที่ผันผวนมากกว่าระดับปัจจุบันเนื่องจากความผันผวนของรายได้ที่มาจากธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์กลุ่มลูกค้ารายย่อย

มีสัดส่วนหนี้สินปานกลาง: ฟิทช์คาดว่า FSS จะสามารถรักษาการระดับหนี้สินไว้ในระดับปานกลางต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่ยืดหยุ่น ซึ่งน่าจะช่วยรองรับความผันผวนของสภาวะตลาดได้ในระดับหนึ่ง อัตราส่วน net adjusted leverage ของ FSS ยังคงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ที่ประมาณ 1.9-2.7 เท่า ตั้งแต่ปี 2560 สัดส่วนหนี้สินในระดับปานกลางและอัตราส่วนสภาพคล่องที่พอเพียงของบริษัทน่าจะช่วยจำกัดความเสี่ยงในด้านการชำระคืนหนี้สินของ FSS ได้ แม้ต้องเผชิญกับภาวะตลาดที่ซบเซาและแรงกดดันด้านรายได้

มีการจัดการสภาพคล่องในระดับที่เพียงพอ: FSS มีการพึ่งพาการระดมทุนจากตลาดทุนภายในประเทศ (wholesale funding) แต่ฐานะสภาพคล่องของ FSS ยังสะท้อนถึงระดับหนี้สินที่ค่อนข้างต่ำและการมีสัดส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องที่พอเพียงง ซึ่งน่าจะช่วยรองรับความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่งในกรณีที่เกิดภาวะวิกฤติของรายได้และสภาพคล่องในตลาด

ปัจจัยที่อาจมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้ หากสถานะทางการเงินของ FSS มีการปรับตัวอ่อนแออย่างมากและบ่งชี้ถึงการปรับตัวด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญของฐานะการเงินของบริษัท ตัวอย่างเช่น การปรับลดลงของฐานะเงินทุนของบริษัทจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราส่วน net adjusted leverage ที่มากกว่า 5 เท่า และผลประกอบการมีแนวโน้มที่ไม่น่าจะรักษาความสามารถในการสร้างกำไรสะสมได้อย่างต่อเนื่อง (sustained internal capital generation) โดยเหตุการณ์ดังกล่าว อาจบ่งชี้ได้ถึงการปรับด้อยลงอย่างต่อเนื่องของโครงสร้างธุรกิจและความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งจะปัจจัยลบต่อโครงสร้างเครดิตของบริษัท นอกจากนี้การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจหรือระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (risk appetite) ที่ส่งผลกระทบในทางลบอย่างมีนัยสำคัญ ยังอาจนำไปสู่การปรับลดอันดับเครดิตได้อีกด้วย

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้ หากโครงสร้างธุรกิจมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น การมีแหล่งรายได้จากธุรกิจอื่นที่หลากหลาย พร้อมทั้งการมีสัดส่วนของแหล่งรายได้ประจำ(recurring income) ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะการมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ยที่สามารถทรงตัวอยู่ในระดับที่มากกว่า 10% ได้ในระยะปานกลาง และเป็นกำไรที่มาจากโครงสร้างธุรกิจที่มีความสมดุลและยั่งยืน ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อของโครงสร้างเครดิตของบริษัท ทั้งนี้ FSS จะต้องสามารถรักษาความสามารถในการรองรับความเสี่ยงในด้านเงินทุนและสภาพคล่องของบริษัทให้อยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่องและสอดคล้องกับอันดับเครดิตที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน

รายละเอียดอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังนี้
--อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ BBB+(tha) แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
--อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ F2(tha)

ที่มา: ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ